ยิ่งดูจิต ยิ่งค้นพบจิตที่เป็นอกุศล และไม่อยากจะยอมรับ

 
anupong
วันที่  9 เม.ย. 2553
หมายเลข  15859
อ่าน  1,706

แต่ก่อนเคยอยากเป็นคนดีมาก เวลาที่มีจิตใจ อาฆาต เกลียดชัง ก็จะใช้วิธี คิดตัดคิด คือ ไม่ยอมให้มันคิดไม่ดี เพราะไม่อยากเป็นคนไม่ดี

แต่ตอนนี้พอเริ่มหัดดูจิต ทำให้เห็นว่าจิตใจยังมี ความอาฆาต เกลียดชัง อยู่มาก แต่ก็ต้องยอมรับในสภาพธรรมที่เกิดขึ้น แต่ก็รู้สึกแย่ที่ตัวเองต้องเป็นคนเช่นนั้น

ผมจึงขอเรียนถามว่า ถ้าผมพยายามห้ามจิตไม่ให้คิด อาฆาต เกลียดชัง มันจะเป็นการขัดแย้งต่อการ ดูจิต หรือไม่ครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
prachern.s
วันที่ 9 เม.ย. 2553
ขอเรียนว่าทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่ละเอียดมาก ใช่ว่าเราจะห้ามจิต หรือจะดูจิต โดยไม่มีปัญญา จริงๆ แล้วเป็นเรื่องของการค่อยๆ สะสมอบรมทีละเล็กทีละน้อย โดยเริ่มตั้งแต่การค่อยๆ ฟังให้เข้าใจเสียก่อนว่า คืออะไร เกิดเพราะเหตุใดจะดับได้อย่างไร มีข้อปฏิบัติอย่างไร เป็นต้น ดังนั้นพระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์มีการศึกษาและมีการอบรมตามลำดับ จะข้ามขั้นไม่ได้ ครับ เพราะฉะนั้นการฟังการศึกษา (ปริยัติ) จึงเป็นลำดับที่หนึ่ง เพื่อถึงการรู้แจ้งสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ (ปฏิบัติ) จากนั้นจึงจะถึงการบรรลุมรรคผลคือ ปฏิเวธได้...
 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
Nareopak
วันที่ 9 เม.ย. 2553

ขอแลกเปลี่ยนประสบการณ์ กับคุณanupong ก่อนนี้เวลามีโทสะ (ความไม่ชอบใจ ไม่พอใจ โกรธ) ก็จะนึกถึงคำว่า Deleate (ลบทิ้ง) โทสะก็ลดลงหรือหายไปทันที บางครั้งก็แว่บเข้ามาอีก ก็นึกถึงคำว่า Deleate..Deleate เพราะไม่อยากให้โทสะเกิด พอได้ฟังธรรม (เทปวิทยุแผ่นที่ 27) จึงทำให้รู้ว่าเพราะความมีตัวตน มีเรา ก็จะเปลี่ยนโทสะ และพยายามไม่ให้โทสะทวีความรุนแรง แต่ตอนนั้นไม่ได้พิจารณาจึงไม่ทราบว่า"ให้โลภะเข้ามาแทน" (คือเกิดความยินดีพอใจที่ทำให้โทสะลดลงหรือไม่เกิดอีก) ทั้งโทสะและโลภะ ก็ยังเป็นกิเลสอยู่ดี ขออนุญาตินำคำกล่าวของท่านอาจารย์ใน CD ชุดนี้มาลงในที่นี้ ท่านอาจารย์" แทนที่จะระลึกรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง..แล้วค่อยๆ ละคลายสภาพธรรมนั้น โดยที่ระลึกว่าสิ่งที่ปรากฏเกิดขึ้นแล้วดับไป ก็ เป็นเพียงสภาพธรรมะอย่างหนึ่งเท่านั้นเอง.... สรุป ต้องฟังธรรมไปเรื่อยๆ ค่ะ แต่ก็ขออนุโมทนาที่คุณanupong รู้ตัวเองตามความเป็นจริงว่าตนเองเป็นเช่นไร

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
ไตรสรณคมน์
วันที่ 9 เม.ย. 2553

โทสะเกิด....เมื่อประสบกับอารมณ์ที่ไม่น่าปรารถนา

จะยอมรับหรือไม่อยากจะยอมรับ.........สภาพธรรมนั้น (โทสะ) ก็เกิดแล้ว ดับแล้วค่ะ

จะตามกลับไปแก้ไขก็ไม่ได้ จะบังคับไม่ให้เกิดก็ไม่ได้อีก

นี่คือความเป็น......อนัตตา ของสภาพธรรม

ธรรมทั้งหลายมีเหตุเป็นแดนเกิด

เหตุของโทสะก็คือโลภะ

เมื่อไม่ได้สิ่งที่น่าปรารถนา น่าพอใจ

หรือ

ประสบกับสิ่งที่ไม่น่าปรารถนา ไม่น่าพอใจ

โทสะย่อมเกิดเป็นธรรมดา (สำหรับบุคคลที่ยังไม่ใช่พระอนาคามี)

ควรพิจารณาสภาพจิตในขณะนั้นด้วยความแยบคาย

เพื่อสะสมความเข้าใจให้มากขึ้น

พร้อมกับการเจริญเมตตา ซึ่งเป็นธรรมที่เป็นปฏิปักษ์กับโทสะ

เมื่อเมตตาเกิดบ่อยๆ กำลังของเมตตาก็ย่อมมากขึ้น

โทสะก็จะเกิดน้อยลงและไม่ตั้งอยู่นานค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
choonj
วันที่ 10 เม.ย. 2553

ดูจิตดูยังไง ถ้ามีการคอยรู้ว่าจิตเป็นอกุศลหรือกุศล ก็เป็นการที่จะมีตัวตนที่คอยจะรู้ ซึ่งไม่ถูก แต่ถ้ามีการระลึกเกิดขึ้นแล้วรู้โดยไม่มีการคอย ก็ไม่เรียกว่าดูจิต แต่เป็นอาการรู้ เมื่อรู้แล้ก็คิด จนไม่อย่ากจะยอมรับ เมื่อไม่ยอมรับก็เป็นอาการของโทสะ ก็เป็นไปตามกระแสในวันๆ ที่ถูกแล้วไม่มีการดูจิต แต่ต้องมีการฟังธรรมจนสังขารขันธ์มีกำลังเป็นอาการรู้ เกิดขึ้งเอง โดยไม่มีการคอยดู

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
homenumber5
วันที่ 10 เม.ย. 2553

เรียนท่านความเห็นที่ 1และท่านเจ้าของกระทู้

อกุสลกรรม นั้นมีทั้ง กายกรรมทุจริต3

ปาณาติปาตา อทินนาทาน กาเมสุมิจแจรา

วจีกรรมทุจริต4ได้แก่

ปิสุณวาจา ผรุสสาวาจา มุสาวาจา สัมผัปปลาปวาจา

มโนกรรมทุจริตอีก3 ได้แก่

อพิชฌา พยาปาทะ มิจฉาทิฏฐิ

จากการสังเกตุตนเองและคนใกล้ชิด

รู้ว่าเวลา ที่ตา หูจมูก ลิ้นกาย ใจทำงานนี้ ง่ายมากที่อกุสลกรรมจะเกิด

โดยเฉพาะ มโนกรรม แต่ กายกรรม วจีกรรม นี้หาก เราผู้รับรู้ธรรมารมณ์แล้วเราไม่แสดงออกทางกายกรรมทุจจริต 3วจีกรรมทุจริต4 อกุสลไม่เกิด แต่ว่าจะเกิดกุสลได้อย่างไรนั้น ดิฉันขอเรียนถามท่านความเห็นที่1ด้วย

ตัวอย่างในชีวิตจจริง

1.เวลาดูข่าว พ่อบ้าน พูดวา ข่าวนี้เท็จ แม่บ้านหากต้องการป้องกันอกุสลกรรม แม่บ้านควรทำอย่างไรดี

2. ไปเดินห้าง ลูก พูดว่า คุณแม่ รองเท้านี้สวยมากลูกขอซื้อ อยากได้มาก คุณแม่ควรตอบสนองอย่างไรฯลฯ

ดิฉันเห็นว่าชีวิตชาวบ้านที่มีคนมากในครอบครัว ต่างมีความอยาก ไม่อยาก ต่างๆ มากมาย ยิ่งเด็กๆ ที่ไม่ได้รับการอบรมธรรมยิ่งไร้ขอบเขต พ่อแม่จะทำอย่างไรเพื่อป้องกันอกุสลกรรมไม่ให้เกิดกับคนในครอบครัว

เพื่อคลายปัญหานี้ดิฉันได้นำลูกเข้าอบรมธรรมในชมรมพุทธแห่งหนึ่งใกล้ที่ทำงาน ในอาทิตย์สุดท้ายของเดือนนนี้ ได้ผลอย่างไรจะมาแจ้งให้ทราบ สังเกตุว่าบ้านธัมมะมนี้

มีแต่ผู้ใหญ่ทั้งนั้น คิดว่าเด็กวัยรุ่น มาฟังคงจะเข้าใจยาก

ขอท่านความเห็นที่1เมตตาตอบคำถามด้วย

อนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
คุณ
วันที่ 10 เม.ย. 2553

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
เดียวดาย
วันที่ 10 เม.ย. 2553

ขอแสดงความคิดเห็นด้วยคนค่ะ

ดิฉันคิดว่า การให้อภัย น่าจะเปนทางออกที่ดีที่สุด ให้อภัยเขา ถ้าเขาทำเรื่องไม่ดีกับคุณ ให้อภัยตัวเอง ที่คุณคิดอกุศลกับเขา โกรธเขา เกลียดเขา อาฆาตเขา หากผิดพลาดประการใด.....ขอให้คุณ ให้อภัยดิฉันด้วยนะค่ะ:)

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
Komsan
วันที่ 10 เม.ย. 2553

ขอขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
khampan.a
วันที่ 10 เม.ย. 2553

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

อกุศลธรรม เป็นสภาพธรรมที่มีจริง เกิดขึ้นตามเหตุตามปัจจัย ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น แต่ละบุคคลไม่สามารถจะยับยั้งอกุศลธรรม เพราะเหตุว่าเมื่อได้เหตุได้ปัจจัยก็เกิดขึ้น และอาจจะมีกำลังแรงกล้าด้วย เพราะได้สะสมมานานแสนนานในสังสารวัฏฏ์ จึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมอกุศลจึงเกิดบ่อยมากในชีวิตประจำวัน แต่อย่างไรก็ตามสำหรับบุคคลที่ได้อบรมเจริญปัญญา สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกในลักษณะของสภาพธรรมบ่อยๆ เนืองๆ ถึงแม้ว่าอกุศลธรรมจะเกิดขึ้น แต่สติและปัญญาที่ได้สะสมอบรมมาก็สามารถจะเกิดขึ้นระลึกรู้ในลักษณะที่ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่-บุคคล ไม่ใช่ตัวตนของอกุศลธรรมในขณะนั้นได้ จึงแสดงให้เห็นว่าการฟังพระธรรม การศึกษาพระธรรมอบรมเจริญปัญญาในชีวิตประจำวัน เป็นประโยชน์เกื้อกูลอย่างยิ่งเพราะจะเป็นไปเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูก เป็นไปเพื่อขัดเกลากิเลส จากที่เคยเต็มไปด้วยกิเลสประการต่างๆ แต่เมื่อได้อาศัยการอบรมเจริญปัญญา โดยเริ่มจากการศึกษาพระธรรมในแนวทางที่ถูกต้อง ก็สามารถจะละคลายและดับได้อย่างเด็ดขาดในที่สุด ปัญญาเท่านั้นที่จะดับกิเลสได้ ซึ่งจะต้องอาศัยกาลเวลาอันยาวนานทีเดียวในการอบรมเจริญปัญญา ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
paderm
วันที่ 10 เม.ย. 2553

ดูจิตไม่ได้นะครับ เชิญคลิกอ่านที่นี่ครับ.....

การดูจิต

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
choonj
วันที่ 12 เม.ย. 2553

เรียนความเห็นที่ ๗ ผมขออนุญาติแสดงความเห็นตอบคำถามในแง่อีกทางหนึ่ง เผื่อว่าถ้าเข้าใจ และเปลียบเทียบกับการเข้าใจเดิม จะได้รู้ว่า ทางใหม่และการเข้าใจเดิมนั้นต่างกันอย่างไร

ก่อนอื่นก็ขออนุโมทนา ที่เรียนรู้ อกุศลกรรมบท ๑๐ กาย วาจา ใจ แต่เมื่อรู้แล้วจะถามว่า "จะเกิดกุศลได้อย่างไร" นั้นไม่ใช่จะเป็นไปได้ ถ้าจะเข้าใจในทางใหม่ว่า อกุศลเกิดก็ต้องมีเหตุให้เกิด เหตุคือการสังสมอกุศลในอดีต กุศลก็เหมื่อนกัน จะเกิดได้ก็ต้องมีกุศลเหตุที่เคยสังสมมาในอดีต เช่นเมื่ออกุศลเกิดและเมื่อรู้ว่าเป็นอกุศล อาการรู้นั้นเป็นกุศล เป็นเหตุให้กุศลเกิดได้

๑) พ่อบ้าน พูดว่า ข่าวนี้เท็จ อกุศลเกิดแล้วกับพ่อบ้าน แม่บ้านไม่สามารถเปลี่ยนจิตของพ่อบ้านได้ หรื่อเปลี่ยนจิตของ ลูก ได้ นอกจากอบรมจิตตัวเอง

๒) ลูกบอกว่า รองเท้าสวย แม่ก็เช่นกันไม่สามารถเปลื่อนอกุศลจิตของลูกได้เพราะเกิดแล้วดับแล้ว แต่บอกลูกได้ว่า ที่พูดนี้นะจากอกุศลจิตนะลูก และหวังว่าลูกจะเข้าใจ ผมก็คิดว่าจะเข้าใจนะยาก ก็ตอบสนองได้เพียงเท่านี้

เป็นแม่บ้านก็มีความหวังดีต่อครอบครัวอันเป็นที่รัก อย่ากให้กุศลเกิดมากๆ แต่กุศลจะไม่เกิดเลย ถ้าไม่มีการอบรม การอบรมก็มีอยู่ทางเดียว คือการฟังธรรมให้เข้าใจ ธรรมที่ฟังนั้นก็ต้องเป็นธรรมที่ถูกต้องตามพระไตรปิฎก ถ้าฟังธรรมที่ไม่ถูกก็เป็นการเจริญแต่อกุศล อัตรายมาก เห็นกันอยู่มากในสังคม เมื่อผิดทางแล้วจะให้ถูกทางใหม่นั้นยิ่งยากกว่า ก็ลองพิจารณาความเห็นนี้นะ ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
จักรกฤษณ์
วันที่ 12 เม.ย. 2553

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
wannee.s
วันที่ 13 เม.ย. 2553

ดูจิตไม่ได้ค่ะ แต่อบรมเจริญปัญญาเพื่อละอกุศลได้ เช่น ขณะที่โกรธ ขณะนั้นเป็นผู้หลงลืมสติ ถ้าสติเกิดก็รู้ว่าเป็นอกุศลไม่ดี ควรเจริญเมตตาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
วิริยะ
วันที่ 17 เม.ย. 2553

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 17  
 
chatchai.k
วันที่ 21 ส.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ