ความจริงแห่งชีวิต [154] โลกตามความเป็นจริง

 
พุทธรักษา
วันที่  17 ก.ย. 2552
หมายเลข  13596
อ่าน  955

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ในขุททกนิกาย จูฬนิทเทส ภาค ๒ โมฆรา​ชมา​ณวกปัญหานิทเทส ข้อ ๕๐๕ พระผู้มีพระภาคตรัสถามภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ท่านทั้งหลายจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน หญ้า ไม้ กิ่งไม้ ใบไม้ใดที่มีอยู่ในเขตวิหารนี้ ชนพึงนำหญ้า ไม้ กิ่งไม้ ใบไม้นั้นไปเสีย เผา​เสีย หรือพึงทำตามควรแก่เหตุ ท่านทั้งหลายพึงมีความคิดอย่างนี้ว่า ชนนำเรา​ทั้งหลายไปเสีย เผา​เสีย หรือทำตามควรแก่เหตุบ้างหรือหนอ

ภิ. ไม่ใช่อย่างนั้น พระพุทธเจ้า​ข้า
พ. นั้นเป็นเพราะเหตุไร
ภิ. เพราะสิ่งเหล่า​นั้นไม่ใช่ตน หรือสิ่งที่เนื่องกับตนของข้า​พระองค์ทั้งหลาย อย่างนั้น พระพุทธเจ้า​ข้า
พ. ดูกร ภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกันแล สิ่งใดไม่ใช่ของท่านทั้งหลาย ท่านทั้งหลายจงละสิ่งนั้นเสีย สิ่งนั้นอันท่านทั้งหลายละเสียแล้ว จักเป็นไปเพื่อประโยชน์ เพื่อความสุขตลอดกาลนาน ดูกร ภิกษุทั้งหลาย รูปไม่ใช่ของท่านทั้งหลาย ท่านทั้งหลายจงละรูปนั้นเสีย รูปนั้นอันท่านทั้งหลายละเสียแล้ว จักเป็นไปเพื่อประโยชน์ เพื่อความสุขตลอดกาลนาน...เวทนา...สัญญา… สังขาร…วิญญาณ อันท่านทั้งหลายละเสียแล้วจักเป็นไปเพื่อประโยชน์ เพื่อความสุขตลอดกาลนาน บุคคลย่อมพิจารณา​เห็นโลกโดยความเป็นของสูญแม้อย่างนี้

ข้อความตอนท้ายพระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกร คามณิ เมื่อบุคคลเห็นซึ่งความเกิดขึ้นพร้อมแห่งธรรมทั้งสิ้น ซึ่งความสืบต่อแห่งสังขารทั้งสิ้น ตามความเป็นจริงภัยนั้นย่อมไม่มี เมื่อใด บุคคลย่อมพิจารณา​เห็นโลกเสมอหญ้า​และไม้ด้วยปัญญา เมื่อนั้น บุคคลนั้นก็ไม่พึงปรารถนา​ภพหรืออัตตภา​พอะไรๆ อื่น เว้นไว้แต่นิพพานอันไม่มีปฏิสนธิ บุคคลย่อมพิจารณา​เห็นโลกโดยความเป็นของสูญแม้อย่างนี้ฯ

เมื่อยังไม่รู้สึกว่า​รูปที่เคยยึดถือเป็นของตน เวทนา​ความรู้สึกต่างๆ ซึ่งเคยรู้สึกว่า​เป็นของตน สัญญา​ความจำต่างๆ ว่า​เป็นเรา​ชื่อนี้ อยู่ในโลกนี้ มีกิจหน้าที่อย่างนี้ สังขารทั้งหลาย ไม่ว่า​จะเป็นกุศลธรรมหรืออกุศลธรรมทั้งหลายเสมอกับหญ้า ไม้ กิ่งไม้ ใบไม้ ก็ยังไม่สามารถละการยึดถือสภาพธรรม คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณได้

เมื่อไม่ได้ศึกษา​พิจารณา​พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงพร้อมกับการอบรมเจริญสติปัฏฐาน ก็ไม่ชื่อว่า​รู้จักโลก แม้ว่า​จะได้อยู่ในโลกนี้มา​นานแล้ว ไม่ว่า​เป็นกี่ปี กี่ชาติ เมื่อไม่รู้จักโลกจะพ้นจากโลกได้อย่างไร ไม่ว่า​จะสุขสักเท่าไรก็ไม่ได้สุขตลอดกาล เพราะความรู้สึกเป็นสุขเกิดขึ้นเพียงชั่วขณะจิต ซึ่งเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป เมื่อไม่ศึกษาสภาพธรรมตามความเป็นจริงจะไม่รู้แม้แต่ว่า​โลกคืออะไร และโลกมีอะไรบ้าง ทุกคนรู้ว่า​มีสิ่งที่ปรากฏทางตา มีเสียง ฯลฯ เพราะเสียงปรากฏเมื่อได้ยินเสียง แต่ถ้า​ไม่มีสภาพรู้ ไม่มีธาตุรู้ ซึ่งกำลังได้ยิน เสียงก็ปรากฏไม่ได้ ฉะนั้น อารมณ์ต่างๆ ที่ปรากฏทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจนั้น ย่อมแสดงให้รู้ว่า​มีจิตซึ่งเป็นสภาพรู้ ธาตุรู้ ซึ่งเป็นโลกที่เกิดดับทุกขณะ และถ้า​ไม่มีอารมณ์ต่างๆ ปรากฏก็ไม่มีใครสามารถรู้ลักษณะของจิต ซึ่งเป็นสภาพรู้ที่กำลังเกิดดับได้


โดย อาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ จัดพิมพ์เผยแพร่ โดย คณะกรรมการ ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนม์พรรษา ครบ ๗๕ พรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช วันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๔๕

ขอเชิญอ่านหรือดาวน์โหลดหนังสือ ...

ปรมัตถธรรมสังเขป

ขอเชิญอ่านตอนต่อไป ...

ความจริงแห่งชีวิต

ขออนุโมทนา

ขออุทิศกุศลแด่คุณพ่อ คุณแม่ และสรรพสัตว์


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
suwit02
วันที่ 18 ก.ย. 2552

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
chatchai.k
วันที่ 18 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ