รูปสูตร .. บุคคลเลื่อมใส ๔ จำพวก

 
บ้านธัมมะ
วันที่  4 ส.ค. 2552
หมายเลข  13079
อ่าน  3,451

Oo๐ ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย ๐oO

... สนทนาธรรมที่ ...

มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา

พระสูตร ที่นำมาสนทนาที่มูลนิธิฯ

วันเสาร์ที่ ๘ ส.ค. ๒๕๕๒ เวลา ๐๙:๐๐ - ๑๒:๐๐น. คือ

รูปสูตร

ว่าด้วยบุคคลเลื่อมใส ๔ จำพวก

จาก ... [เล่มที่ 35] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกนิบาต เล่ม ๒ - หน้าที่ 210

... นำสนทนาโดย ...

ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ และคณะวิทยากร

[เล่มที่ 35] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกนิบาต เล่ม ๒ - หน้าที่ 210

๕. รูปสูตร

ว่าด้วยบุคคลเลื่อมใส ๔ จำพวก

[๖๕] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๔ จำพวกนี้ มีปรากฏอยู่ในโลก บุคคล ๔ จำพวก คือใคร คือ

รูปปฺปมาโณ รูปปฺปสนฺโน บุคคลถือรูปเป็นประมาณ เลื่อมใสในรูป

โฆสปฺปมาโณ โฆสปฺปสนฺโน บุคคลถือเสียงกึกก้องเป็นประมาณ เลื่อมใสในเสียงกึกก้อง

ลูขปฺปมาโณ ลูขปฺปสนฺโน บุคคลถือความเศร้าหมองเป็นประมาณ เลื่อมใสในความเศร้าหมอง

ธมฺมปฺปมาโณ ธมฺมปฺปสนฺโน บุคคลถือธรรมเป็นประมาณเลื่อมใสในธรรม

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย นี้แลบุคคล ๔ จำพวก มีปรากฏอยู่ ในโลก.

บุคคลเหล่าใดถือรูปเป็นประมาณก็ดี บุคคลเหล่าใดคล้อยไปตามเสียงกึกก้องก็ดี บุคคลเหล่านั้น อยู่ในอำนาจความพอใจรักใคร่แล้ว ย่อมไม่รู้จักชนผู้นั้น. คนโง่ย่อมไม่รู้ (คุณธรรม) ภายใน ทั้งไม่เห็น (ข้อปฏิบัติ) ภายนอก (ของชนผู้นั้น) ถูกรูปและเสียงปิดบัง (ปัญญา) เสียจนรอบ คนโง่นั้นจึงถูกเสียงกึกก้องพัดพาไปได้.

บุคคลใดไม่รู้ภายใน แต่เห็นภายนอก เห็นแต่ผล (คือลาภสักการะที่ผู้นั้นได้) ในภายนอก แม้บุคคลนั้น ก็ยังจะถูกเสียงกึกก้องพัดพาไปได้. บุคคลใดทั้งรู้ภายใน ทั้งเห็นภายนอก เห็นแจ้งไม่มีอะไรเป็นเครื่องปิดบัง บุคคลนั้นย่อมไม่ถูกเสียงกึกก้องพัดพาไป.

จบรูปสูตรที่ ๕

อรรถกถารูปสูตร

พึงทราบวินิจฉัยในรูปสูตรที่ ๕ ดังต่อไปนี้ :-

บุคคลถือประมาณในรูปแล้วเลื่อมใส ชื่อรูปัปปมาณ.

บทว่า รูปปฺปสนฺโน เป็นไวพจน์ความของบท รูปปฺปมาโณ นั้น. บุคคลถือประมาณในเสียงกึกก้องแล้วเลื่อมใส ชื่อโฆสัปปมาณ. บุคคลถือประมาณในความปรากฏของจีวรและบาตรแล้วเลื่อมใส ชื่อลูขัปปมาณ. บุคคลถือประมาณในธรรมแล้ว เลื่อมใส ชื่อธัมมัปปมาณ.

บทนอกจากนี้ เป็นไวพจน์ความของบทเหล่านั้นนั่นแล เพราะแบ่งสรรพสัตว์ออกเป็นสามส่วน สองส่วนถือรูปเป็นประมาณ. ส่วนหนึ่ง ไม่ถือรูปเป็นประมาณ. เพราะแบ่งสรรพสัตว์ออกเป็นห้าส่วน สี่ส่วนถือเสียงกึกก้องเป็นประมาณ ส่วนหนึ่งไม่ถือเสียงกึกก้องเป็นประมาณ. เพราะแบ่งสรรพสัตว์ออกเป็น ๑๐ ส่วน เก้าส่วน ถือ ความปอนเป็นประมาณ ส่วนหนึ่งไม่ถือความปอนเป็นประมาณ. แต่เมื่อแบ่งสรรพสัตว์ออกเป็นแสนส่วน ส่วนเดียวเท่านั้น ถือธรรมเป็นประมาณ ที่เหลือพึงทราบว่า ไม่ถือธรรมเป็นประมาณ ดังนี้.

บทว่า รูเปน ปามึสุ ความว่า บุคคลเหล่าใดเห็นรูปแล้วเลื่อมใสบุคคลเหล่านั้น ชื่อว่าถือรูปเป็นประมาณ อธิบายว่า นับถือแล้ว.

บทว่า โฆเสน อนฺวคู ความว่า บุคคลเหล่าใดไหลไปตามเสียงกึกก้อง อธิบายว่า บุคคลเหล่านั้นถือเสียงกึกก้องเป็นประมาณแล้วจึงเลื่อมใส.

บทว่า ฉนฺทราควสูเปตา ได้แก่ ตกอยู่ในอำนาจความพอใจ และรักใคร่เสียแล้ว .

บทว่า อชฺฌตฺตญฺจ น ชานาติ ความว่า คนโง่ ย่อมไม่รู้จักคุณข้างในของเขา.

บทว่า พหิทฺธา จน ปสฺสติ ความว่า ย่อมไม่เห็นข้อปฏิบัติข้างนอกของเขา.

บทว่า สมนฺตาวรโณ ได้แก่ ถูกเสียงปิดบังเสียจนรอบ. อีกอย่างหนึ่ง ชื่อว่าสมันตาวรณะ เพราะเสียงกั้นไว้รอบ.

บทว่า โฆเสน วุยฺหติ ความว่า คนโง่นั้น จึงถูกเสียงกึกก้องชักนำไป หาใช่ถูกคุณนำไปไม่.

บทว่า อชฺฌตฺตญฺจ น ชานาติ พหิทฺธา จ วิปสฺสติ ความว่า บุคคลไม่รู้คุณข้างใน แต่เห็นการปฏิบัติข้างนอกของเขา.

บทว่า พหิทฺธา ผลทสฺสาวี ความว่า เห็นผลสักการะข้างนอกที่บุคคลอื่นทำแก่เขา.

บทว่า วินีวรณทสฺสาวี ความว่า เห็นอย่างไม่มีอะไรปิดบัง.

บทว่า นโส โฆเสน วุยฺหติ ความว่า บุคคลนั้นจึงไม่ถูกเสียงกึกก้องชักนำไป.

จบอรรถกถารูปสูตรที่ ๕


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
khampan.a
วันที่ 4 ส.ค. 2552

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ข้อความโดยสรุป รูปสูตร (ว่าด้วยบุคคลเลื่อมใส ๔ จำพวก)

พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงแสดงบุคคล ๔ จำพวกที่มีปรากฏอยู่ในโลก คือ

๑. บุคคลผู้ถือรูปเป็นประมาณ เลื่อมใสในรูป (เห็นรูปที่สูง ไม่อ้วนไม่ผอม มีอวัยวะสมส่วน งามไม่มีที่ติ ถือเอาประมาณในรูปนั้น ยังความเลื่อมใสให้เกิดขึ้น)

๒. บุคคลผู้ถือเสียงกึกก้องเป็นประมาณ เลื่อมใสในเสียงกึกก้อง (ได้ฟังการสรรเสริญคุณ การพรรณนาคุณของบุคคลนั้นแล้ว ถือเอาประมาณในเสียงนั้น ยังความเลื่อมใสให้เกิดขึ้น)

๓. บุคคลผู้ถือความเศร้าหมองเป็นประมาณ เลื่อมใสในความเศร้าหมอง (เห็นความเศร้าหมองแห่งจีวร บาตร เสนาสนะ เป็นต้น แล้วถือเอาประมาณในความเศร้าหมองนั้น ยังความเลื่อมใสให้เกิดขึ้น)

๔. บุคคลผู้ถือธรรมเป็นประมาณ เลื่อมใสในธรรม (เห็นศีล สมาธิ ปัญญา ถือเอาธรรมนั้น เป็นประมาณแล้ว ยังความเลื่อมใสให้เกิดขึ้น) .

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
พุทธรักษา
วันที่ 5 ส.ค. 2552

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
suwit02
วันที่ 5 ส.ค. 2552

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
ประสาน
วันที่ 5 ส.ค. 2552

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
จักรกฤษณ์
วันที่ 6 ส.ค. 2552

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
raynu.p
วันที่ 6 ส.ค. 2552

พระธรรมละเอียด ลึกชึ้ง เข้าใจยาก รู้ได้โดยยากจริงๆ อ่านครั้งแรกก็ยังไม่ค่อยเข้าใจ อ่านบ่อยๆ ช้ำๆ จึงจะเข้าใจขึ้นอีกในขั้นความเข้าใจในเรื่องราว อรรถอันลึก

คงต้องรับฟังจากท่านอาจารย์และคณะวิทยากรต่อไป

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
petcharath
วันที่ 6 ส.ค. 2552
ขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
pornpaon
วันที่ 8 ส.ค. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
จิตและเจตสิก
วันที่ 23 มี.ค. 2558

สาธุ ขออนุโมทนา ฯ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
Witt
วันที่ 23 ต.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
talaykwang
วันที่ 28 ก.ค. 2565

กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ