ไม่ควรแผ่เมตตาให้เจ้ากรรมนายเวรพร่ำเพรื่อจริงหรือ

 
bigboytu
วันที่  8 ก.ค. 2552
หมายเลข  12849
อ่าน  25,507
วันนี้คุยกับเพื่อนเรื่องการแผ่เมตตาให้เจ้ากรรมนายเวร เพื่อนได้ยินมาว่าการแผ่เมตตาให้เจ้ากรรมนายเวรเช่นนั้น ไม่ควรทำพร่ำเพรือ เพราะ ถ้าเจ้ากรรมนายเวรไม่รับ จะมีผลร้ายต่อตัวเอง ผมว่าผมไม่เคยได้ยิน เลยอยากถามท่านผู้รู้ช่วยชี้แนะ ด้วยครับ

  ความคิดเห็นที่ 1  
 
prachern.s
วันที่ 9 ก.ค. 2552

ก่อนอื่นควรเข้าใจคำเหล่านี้ก่อนว่าหมายถึงอะไร คือ เมตตา แผ่เมตตา และเจ้ากรรมนายเวร ถ้าเข้าใจพระธรรมและความหมายของคำเหล่านี้ ปัญหาที่ท่านถามมาก็จะไม่มี หรือแม้ปัญหาอื่นๆ ก็จะได้รับคำตอบด้วยเช่นกันครับขอเชิญคลิกอ่าน ..

เมตตา

การแผ่เมตตา.... เริ่มเมตตาจากทีละบุคคล

เมตตาแท้ และเมตตาเทียม เจ้ากรรมนายเวรมีจริงหรือไม่

สรุปแล้วเจ้ากรรมนายเวรไม่มีค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
ไตรสรณคมน์
วันที่ 9 ก.ค. 2552

การให้ย่อมเป็นสิ่งที่ดีแน่นอนค่ะ

แต่ก่อนให้ ควรรู้มั้ยค่ะว่า.........

สิ่งนั้นคืออะไร?

และผู้รับคือใคร?

เพื่อการให้ที่สมบูรณ์และเป็นประโยชน์จริงๆ ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
suwit02
วันที่ 9 ก.ค. 2552

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
พุทธรักษา
วันที่ 9 ก.ค. 2552

อ้างอิงจาก : หัวข้อ 12849 ความคิดเห็นที่ 2 โดย ไตรสรณคมน์

การให้ย่อมเป็นสิ่งที่ดีแน่นอนค่ะ

แต่ก่อนให้ ควรรู้มั้ยค่ะว่า.........

สิ่งนั้นคืออะไร?

และผู้รับคือใคร?

เพื่อการให้ที่สมบูรณ์และเป็นประโยชน์จริงๆ ค่ะ


ขอสนทนาด้วยคน นะคะ.!
คุณไตรฯ จะช่วยกรุณาขยายความซักนิดได้มั้ยคะ ว่า
การให้ ที่ สมบูรณ์ และ เป็นประโยชน์ จริงๆ น่ะ
หมายความว่ายังไงคะ.?

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
ไตรสรณคมน์
วันที่ 9 ก.ค. 2552

^

^

การให้โดยไม่มีผู้รับ........การให้นั้นจะสมบูรณ์ได้มั้ยค่ะ?

และถ้าให้สิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์.....สิ่งที่ผู้ให้เองก็ยังไม่รู้ว่าคืออะไร?

ยังขวนขวายที่จะให้ต่อไปมั้ยค่ะ?

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
choonj
วันที่ 9 ก.ค. 2552

จะให้อะไรก็ต้องรู้ว่ามีอยู่หรือเปล่า จะให้เงินก็ต้องมีเงินจึงให้ได้ จะแผ่เมตตาก็ต้องรู้ว่ามีเมตตาหรือเปล่า แล้วเมตตามีได้อย่างไร เมตตาคือความเป็นมิตร ไม่ใช่หวังดีต่อคนๆ นี้แล้วจะมีเมตตาเสมอไป แล้วผู้รับ ตามความเป็นจริงแล้วรับได้หรือเปล่าแผ่เมตตาไปให้กบ กบรับได้ไหม เมื่อไม่รู้ ไม่มีเมตตาแล้ว ยังจะแผ่ให้เจ้ากรรมนายเวรแถมยังไม่ควรทำพร่ำเพร่ออีก เป็นไปได้ไหม ครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
ไตรสรณคมน์
วันที่ 9 ก.ค. 2552

^^

^^

นับถือ....นับถือ (-_-"

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
พุทธรักษา
วันที่ 9 ก.ค. 2552
อ้างอิงจาก : หัวข้อ 12849 ความคิดเห็นที่ 5 โดย ไตรสรณคมน์

^

^

การให้โดยไม่มีผู้รับ........การให้นั้นจะสมบูรณ์ได้มั้ยค่ะ?

และถ้าให้สิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์.....สิ่งที่ผู้ให้เองก็ยังไม่รู้ว่าคืออะไร?

ยังขวนขวายที่จะให้ต่อไปมั้ยค่ะ?


ขอขอบพระคุณค่ะ.
ขออนุญาต นำข้อความของท่าน ไปสนทนาต่อ เป็นกระทู้ใหม่นะคะ

เพราะยังไม่เข้าใจ เรื่องการรับ-การให้....ที่สมบูรณ์ น่ะค่ะ.
ปล.
เนื่องจาก ความเห็นของท่าน...สะดุดใจข้าพเจ้า ในประเด็นอื่น น่ะค่ะ.
รบกวนหน่อยนะคะ.
ขอขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ.

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
bigboytu
วันที่ 9 ก.ค. 2552
ถ้าเช่นนั้น การแผ่เมตตาจะทำได้ต่อเมื่อมีเมตตามากพอใช่ไหมครับ และเจ้ากรรมนายเวรไม่มี เพราะทุกคนมีกรรมเป็นต้นเหตุให้เกิดผลต่อคนแต่ละคนใช่ไหมครับ แต่ถ้าเปลี่ยนคำถามเป็นว่า เมื่อเราโกรธคนที่กลั่นแกล้งเราเป็นประจำ เราต้องละโกรธ และ มีเมตตาต่อคนนั้นๆ ก่อน และสามารถทำใจให้เป็นมิตรกับคนนั้นได้ตลอดเวลา ถูกต้องไหมครับ ส่วนคำถามครั้งแรก ไม่ถูกต้องเพราะไม่มีเจ้ากรรมนายเวร และเราเจริญเมตตายังไม่ถึงขั้น แล้วถ้าสมมติว่า ผมไม่ได้รับความรู้จากที่นี้ และเข้าใจผิดๆ เรื่่องเจ้ากรรมนายเวร และพยายามแผ่เมตตาเจ้ากรรมนายเวร พร่ำเพรืื่อ นี้ จะเป็นอกุศล หรือมีผลอย่างไรบ้างครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
bigboytu
วันที่ 9 ก.ค. 2552
ขอถามเพื่อความเข้าใจจริง อีกนะครับ สรุปว่า คำว่าเจ้ากรรมนายเวร เป็นเพียงคำสมมติ เพื่อให้เราคิดไปเองว่า เราเคยทำอกุศลกรรม ต่อสิ่งหนึ่งแล้วต่อมา สิ่งนั้นได้มาทำให้เรารับผลแห่งกรรมนั้น แต่ในความเข้าใจ​ (หลังจากอ่านบทธรรมมะนี้แล้ว) เรารับผลแห่งกรรมที่ได้ทำไว้ในครั้งก่อนเอง โดยคนที่ทำเราในครั้งนี้ อาจจะไม่เกี่ยวกับเราในครั้งก่อน ใช่ไหมครับ ยกตัวอย่าง ผมมักเข้าใจว่า ถ้าเราถูกสุนัขกัด ก็เพราะ เราเคยทำอกุศลกรรมต่อสุนัขตัวนี้ ในครั้งไหนก็ตามในสังสารวัฎฎ์ เข้าใจอย่างนี้ถูกหรือผิดครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
พุทธรักษา
วันที่ 9 ก.ค. 2552

ถ้าเข้าใจ "เรื่องของกรรม" จริงๆ จะไม่โทษใครเลย.!
(ใคร=เจ้ากรรมนายเวร=ไม่มีจริง เป็นเพียงสิ่งที่คิดว่ามี แต่ไม่มีจริง.)
เพราะเหตุว่า ไม่มีใคร.!มีแต่ จิต เจตสิก รูป ซึ่งต่างทำกิจของตนๆ เป็น กรรม บ้าง เป็น ผลของกรรม บ้างเป็นต้น.หมายความว่า
เพราะยังมีกรรม (เจตนาเจตสิก) ทั้ง กุศลกรรม และ อกุศลกรรมจึงมีการกระทำ คือ กรรม ทั้งกุศลกรรม และ อกุศลกรรม.


เมื่อเป็น "กรรม" กุศลกรรม หรือ อกุศลกรรม ได้กระทำสำเร็จไปแล้ว ก็ ต้องได้รับ "ผลของกรรม" (วิบากจิต)
ถ้าเป็นอกุศลกรรม

ผลของกรรม ต้องเป็นอกุศลวิบากจิต.
ถ้าเป็นกุศลกรรม

ผลของกรรม ต้องเป็น กุศลวิบากจิต.
ดังนั้น
เมื่อกล่าวโดยปรมัตถ์ (สัจจะ-ธรรม คือ สภาพธรรมที่มีจริง)
ในชีวิตประจำวัน มีแต่ จิต เจตสิก รูปไม่มีสัตว์ บุคคล ตัวตนใดๆ

แล้ว เจ้ากรรมนายเวร....คืออะไร.?
ในเมื่อไม่ใช่ จิต เจตสิก รูปไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน.!

ขออนุโมทนาค่ะ


 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
prachern.s
วันที่ 10 ก.ค. 2552

ขอเสริมความเห็นที่ ๑๑ เรียนความเห็นที่ ๙ ,๑๐

ขออนุโมทนาในความเห็นถูกของท่าน ส่วนการกระทำสิ่งใดโดยขาดเหตุผล

ก็จะเข้าข่ายงมงาย ซึ่งจะสะสมเป็นอุปนิสัยต่อไป แต่ไม่มีโทษมากเหมือนอกุศลกรรมสำหรับตัวอย่างใน คห.๑๐ ถูกต้องแล้วครับ เป็นผลของอกุศลกรรมในอดีต ซึ่งไม่เกี่ยว

กับเจ้ากรรมนายเวรที่ไหนเลย

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
bigboytu
วันที่ 10 ก.ค. 2552
ขอขอบคุณ สาธุ
 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
วันใหม่
วันที่ 10 ก.ค. 2552

ขณะนี้กำลังเห็น เป็นผลของกรรม เจ้ากรรมนายเวรไม่ได้ทำให้เห็น

ขณะได้ยินเป็นผลของกรรม กรรมของใครทีทำ?ขณะที่เกิดเป็นผลของกรรม ไม่มีเจ้ากรรมนายเวรทำให้เกิด

ไม่มีใครบันดาล มีแต่ธรรมทำหน้าที่เมตตาเพื่อหวังดี เพื่อประโยชน์ผู้อื่น

ไม่ใช่เมตตาเพื่อจะแก้กรรม กรรมจะแก้ได้ก็เมื่อไม่เกิดอีกเลย

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
Jans
วันที่ 11 ก.ค. 2552

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
wannee.s
วันที่ 11 ก.ค. 2552

พระพุทธเจ้าตรัสว่า ให้พิจารณาบ่อยๆ เนืองๆ ว่าเรามีกรรมเป็นของๆ ตน มีกรรมเป็น

กำเนิด มีกรรมเป็นทายาท มีกรรมเป็นเผ่าพันธ์ จะทำดีหรือทำชั่วก็เป็นผู้รับผลแห่งกรรม

นั้น ตามความเป็นจริงแล้วเจ้ากรรมนายเวรไม่มี เราจะแผ่เมตตาให้กับสิ่งที่ไม่มีไม่ได้ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 17  
 
petcharath
วันที่ 11 ก.ค. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 18  
 
pornpaon
วันที่ 13 ก.ค. 2552

พุทธรักษา ความคิดเห็นที่ 11 ถ้าเข้าใจ "เรื่องของกรรม" จริงๆ จะไม่โทษใครเลย.!
(ใคร=เจ้ากรรมนายเวร=ไม่มีจริง เป็นเพียงสิ่งที่คิดว่ามี แต่ไม่มีจริง.)
เพราะเหตุว่า ไม่มีใคร.!มีแต่ จิต เจตสิก รูป ซึ่งต่างทำกิจของตนๆ เป็น กรรม บ้าง เป็น ผลของกรรม บ้างเป็นต้น.

^
^
^

ขออนุโมทนาค่ะ

) : (

เจ้ากรรมนายเวรไม่มี

แต่ที่มีแน่นอน คือ มีการกระทำเหตุไว้ ผลจึงได้มี

ชีวิตประจำวันก็เป็นอย่างนี้ตลอด คือ รับผล กับสะสมเหตุ สลับกันไป

นับตั้งแต่ปฏิสนธิ จนถึงขณะที่สิ้นสุดความเป็นอัตภาพหนึ่งๆ ในแต่ละชาติ

จะได้รับกุศลวิบาก หรือ อกุศลวิบาก

จะสะสมกุศลเหตุ หรือ อกุศลเหตุ

ก็แล้วแต่การได้กระทำหรือสะสมมา และการจะขัดเกลาหรือสะสมใหม่ต่อไป ค่ะ

ขออนุโมทนาในกุศลจิตและกุศลวิริยะของทุกท่านค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ