เข็ดหรือยังค่ะ ?

 
opanayigo
วันที่  3 มิ.ย. 2552
หมายเลข  12568
อ่าน  1,144

"เข็ดหรือยังค่ะ"

เป็นคำถามที่อ.สุจินต์ถามผู้ร่วมสนทนาธรรมเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เนื่องจากพระสูตรว่าด้วย ทุกขเวทนา (ทางกายและใจ) ดั่งลูกศร ๒ ดอก

น้อมพิจารณา

เหตุนำ เกิดซ้ำๆ เจ็บซ้ำๆ แก่ซ้ำๆ ตายซ้ำๆ

พลัดพรากซ้ำๆ

รับทุกข์กายทุกข์ใจซ้ำๆ

ชีวิตสามวันดี สี่วันไข้

สภาพธรรมที่ผันผวน แปรปรวน ไม่เที่ยง สลับไปมา

เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย

กินนอน ขับถ่าย โรค (ทางกาย+กิเลสในใจ) เบียดเบียน

ทุกข์จริง ทุกข์หลอก

เข็ดหรือยังค่ะ

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค เล่ม ๓

ขันธ์ ๕ เป็นภาระ [ภารสูตรและอรรถกถา]

กราบอนุโมทนา


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
yupa
วันที่ 4 มิ.ย. 2552

ถ้าเลือกได้ ก็ไม่อยากเกิดอีกแล้ว ไม่กลัวตาย เพราะเกิดแล้ว ต้องตาย แต่กลัวเกิด ไม่รู้ว่าจะไปเกิดภพชาติไหน

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 4 มิ.ย. 2552

ถ้า... เข็ด หมายความว่า กลัวจนไม่กล้าทำหรือประสบ..เช่นนี้อีก ในขณะที่ได้รับผลของการกระทำที่ไม่น่าพอใจ..เป็นทุกข์...รู้ว่าเป็นผลของกรรม...ขณะนั้น เข็ดแต่เป็นเข็ดชั่วคราว..เพราะถึงแม้ตั้งใจว่าจะไม่ทำอกุศลอีก...แต่พืชเชื้อของอกุศลยังมีได้เหตุปัจจัย ก็ทำอีก...ลืมความเข็ดในขณะที่ได้รับสิ่งที่พอใจ...ไม่มีคำว่าเข็ด..มีแต่ไม่พอถ้าไม่มีพระธรรม..จะไม่คิดถึง...คำว่าเข็ดเลยทั้งที่จริงๆ แล้ว...ความพอใจ..ความติดข้อง..ก็ทำให้วนเวียน.. ในความสุข..ความทุกข์ไม่สิ้นสุด....เพื่อรับผลของกรรม...อีกนานแสนนาน..คิดแล้วเข็ดคะ

ขออนุโมทนาคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
จักรกฤษณ์
วันที่ 4 มิ.ย. 2552

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
wannee.s
วันที่ 4 มิ.ย. 2552

เข็ดไหมเป็นเรื่องของคนที่มีปัญญาจริงๆ สำหรับเรายังไม่มีปัญญา เราก็ยังไม่เข็ด ถ้าอาหารอร่อย ก็ไม่เข็ดอยากทานอีก ถ้ามีความสุขสบายชอบก็ไม่เข็ดอยากมีอีก ถึงแม้ว่าตามการศึกษารู้ว่าสุขก็ไม่เที่ยง แปรเปลี่ยนไปก็ทุกข์ก็เป็นเพียงปัญญาขั้นการฟัง ยังไม่ใช่ปัญญาที่เห็นโทษภัยจริงๆ แต่ก็สามารถอบรมปัญญาให้ยิ่งขึ้นด้วยการฟังธรรมค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
คุณ
วันที่ 4 มิ.ย. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
ajarnkruo
วันที่ 4 มิ.ย. 2552

เข็ดหรือยัง...ที่ยึดธรรมะว่าเป็นตัวตน

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
Sam
วันที่ 4 มิ.ย. 2552

จากความคิดเห็นที่ 5 โดย wannee.s

เข็ดไหมเป็นเรื่องของคนที่มีปัญญาจริงๆ

สำหรับเรายังไม่มีปัญญา เราก็ยังไม่เข็ด

การเข็ด เป็นการรู้ทุกข์ และเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ ซึ่งต้องเป็นผู้มีปัญญาจริงๆ จึงจะรู้ว่าหนทางที่จะไม่ต้องกลับมาเป็นอย่างนี้อีก คืออย่างไร และเดินไปตามทางนั้น ส่วนผู้ที่ยังไม่รู้สาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ คงยังไม่ "เข็ด" แต่แค่ "กลัว" ทุกข์เท่านั้น และเมื่อไม่รู้หนทางก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงการกลับมาเป็นอย่างนี้อีก จึงชื่อว่า ยังไม่เข็ด

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
michii
วันที่ 4 มิ.ย. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
เมตตา
วันที่ 4 มิ.ย. 2552

เข็ดหรือยังค่ะ

ในขั้นการฟังพระธรรมและพอเข้าใจได้บ้างว่า การเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฎฎะนั้น เป็นทุกข์จริงๆ ตายแล้วเกิด เกิดแล้วตาย ต้องพลัดพรากจากคนที่รักชาติแล้วชาติเล่า เข็ดจริงๆ ค่ะ แต่ไม่ได้เข็ดด้วยปัญญาที่ประจักษ์ในทุกข์..... แต่เข็ดด้วยความคิดที่เห็นว่า เกิดซ้ำๆ เจ็บซ้ำๆ แก่ซ้ำๆ ตายซ้ำๆ พลัดพรากซ้ำๆ เป็นทุกข์อย่างยิ่งค่ะ จะได้ไม่เป็นผู้ประมาทบ่อยๆ และเพลิดเพลินไปกับกิเลสที่สะสมมานานแสนนาน...เมื่อทุกข์กายเพราะผลของกรรมก็เกิดโทสะ มีความโทรมมนัสอย่างมาก ก็หันไปแสวงหากามสุข ก็เพราะความไม่รู้ ....ราคานุสัย ปฎิฆานุสัย และอวิชชานุสัย

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
orawan.c
วันที่ 4 มิ.ย. 2552

ขั้นฟัง เข้าใจได้ว่า ขันธ์ ๕ เป็นภาระที่ต้องแบกหนักมากๆ ๆ ๆ

แต่ปัญญาขั้นรู้ความจริงยังไม่เกิด

จึง เข็ดไม่จริง สลับกับ ยังไม่เข็ด

จนกว่าปัญญาจะค่อยๆ เจริญขึ้น

แล้ว ปัญญา จะทำหน้าที่ เข็ด แน่นอน

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
pradit
วันที่ 4 มิ.ย. 2552

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
ไตรสรณคมน์
วันที่ 4 มิ.ย. 2552

ไม่เข็ดกันง่ายๆ หรอกค่ะ......เชื่อดิ .. @_@

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
suwit02
วันที่ 4 มิ.ย. 2552

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
wirat.k
วันที่ 4 มิ.ย. 2552

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
พงศ์ศิริ
วันที่ 5 มิ.ย. 2552

เห็นด้วยกับคุณ wannee.s คุณ K คุณ เมตตา คุณ orawan.c และคุณไตรสรณคมน์ ค่ะตอนทุกข์สาหัสก็พรำว่า เข็ดแล้วหนอ ไม่อยากเกิดอีก ตอนสุขก็แอบคิดว่าทำดีมากๆ จะได้เกิดมามีความสุข

อีกนาน...หนอ...

 
  ความคิดเห็นที่ 17  
 
choonj
วันที่ 5 มิ.ย. 2552

จะเข็ดง่ายๆ ได้ยังไง โลภะละได้ด้วยอรหันต์ มานะละได้ด้วยอรหันต์ ทิฏฐิละได้ด้วยโสดาบัน และก็ยังไม่หมดสิ้น ยังมีตัณหา ทิฏฐิ มานะอยู่ มารเขาไม่ต้องชวนเขาแค่มองที่ลูกตาแล้วก็ยิ้มๆ เราก็เป็นบริวารเขาแล้ว ฟังธรรมต่อจนมีกำลังให้สังขารเขาทำหน้าที่ละ ก็จะได้ไม่ต้องคำนึงว่าจะเข็ดหรือไม่เข็ด ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 18  
 
pannipa.v
วันที่ 5 มิ.ย. 2552

อยากจะเข็ด ดูเหมือนจะเข็ด แต่...ไม่เข็ด

 
  ความคิดเห็นที่ 19  
 
dron
วันที่ 5 มิ.ย. 2552
ขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 20  
 
shumporn.t
วันที่ 5 มิ.ย. 2552

อ้างอิงจาก ความเห็นที่ 1 เดี๋ยวบาปนะ !! ทศพล.com

ความไม่รู้ ไม่เคยปราณีใคร

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 21  
 
khampan.a
วันที่ 5 มิ.ย. 2552

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 22  
 
chatchai.k
วันที่ 11 ส.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ