พึงเที่ยวไปผู้เดียวเหมือนนอแรด

 
เมตตา
วันที่  3 มิ.ย. 2552
หมายเลข  12567
อ่าน  5,387

บุคคลนั้นเมื่อเห็นภัยในความสนิทสนม พึงเที่ยวไปผู้เดียวเหมือนนอแรด คำว่า ภัย ได้แก่ ชาติภัย ชราภัย พยาธิภัย มรณภัย ราชภัย โจรภัย อัคคีภัย ภัย คือ-

การติเตียน ภัย คือ การติเตียนของผู้อื่น ภัย คือ อาชญา ภัย คือ ทุคติ เป็นต้น

ขอเรียนถามท่านอาจารย์วิทยากรว่า พึงเที่ยวไปผู้เดียวเหมือนนอแรด มี

ความหมายอย่างไรค่ะ ขอขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
prachern.s
วันที่ 4 มิ.ย. 2552

ความหมายทั่วๆ ไปหมายถึง อยู่คนเดียว ไปคนเดียว ไม่มีเพื่อน และผู้เดียว ยังหมายถึง ละตัณหาได้ ปราศจากกิเลส ไม่มีกิเลสตัณหา ดังนั้นคำว่า ผู้เดียว จึงมีอรรถทั้งสองนัยครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
ทศพล.com
วันที่ 4 มิ.ย. 2552

ผมเป็นคนขี้เหงา เข้าใจตัวเองดี ว่าเที่ยวไปคนเดียวเหมือน นอแรดไม่ได้ เอาฟังและค่อยๆ เข้าใจก่อน ไม่ต้องรีบร้อน

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
wannee.s
วันที่ 4 มิ.ย. 2552

ถ้าบุคคลไม่ได้มิตรสหายเสมอหรือดีกว่าตน พึงเที่ยวไปผู้เดียวเหมือนนอแรดฉะนั้น เพราะคุณของความเป็นสหายของคนพาลไม่มีค่ะ คนที่อยู่คนเดียว คนที่ไปไหนมา ไหนคนเดียว หรือทำอะไรคนเดียว แต่ถ้ายังคิดถึงคนโน้มคนนี้ก็ชื่อว่ามีเพื่อนสองค่ะ

ภิกษุผู้ไม่ประกอบด้วยความเพลิดเพลินและความเกี่ยวข้อง เราเรียกว่ามีปกติอยู่ผู้เดียว

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 4 มิ.ย. 2552

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๕ - หน้าที่ 227

บุคคลปรารภความเพียรเพื่อบรรลุ ปรมัตถประโยชน์ มีจิตไม่หดหู่ มีความ ประพฤติไม่เกียจคร้าน มีความบากบั่นมั่นคง ถึงพร้อมแล้วด้วยกำลังกายและกำลังญาณ

พึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด ดังนี้.เป็นข้อความจากพระไตรปิฎก ... ผู้เดียวหมายถึง ละตัณหาได้ ปราศจากกิเลส ไม่มีกิเลสตัณหาและอีกความหมายทั่วๆ ไปหมายถึง อยู่คนเดียว ไปคนเดียว ไม่มีเพื่อน

เชิญคลิกอ่าน ...

ผู้เที่ยวไปคนเดียวเหมือนนอแรด [ขัคควิสาณสูตร]

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
michii
วันที่ 4 มิ.ย. 2552
ขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
เมตตา
วันที่ 4 มิ.ย. 2552

เข้าใจชัดเจนมากค่ะ

ขอขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
ไตรสรณคมน์
วันที่ 4 มิ.ย. 2552

เอ.....จะขัดแย้งกับข้อความในพระสูตรนี้มั้ยค่ะ.....ท่านวิทยากร

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่มที่ ๔๑ - หน้าที่ ๔๔๖

"การนอนจนตะวันขึ้น (นอนตื่นสาย) ความ เกียจคร้าน ความดุร้าย การผัดวันประกันพรุ่ง การ เดินทางไกลของคนคนเดียว การเข้าไปเสพภรรยาของ ผู้อื่น พราหมณ์ ท่านจงเสพกรรม ๖ อย่าง นี้เถิด, สิ่งมิใช่ประโยชน์ [ความพินาศ] จักมีแก่ท่าน."

เข้าใจว่า ท่านคงแสดงโดยนัยที่่ต่างกันใช่มั้ยค่ะ?

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
suwit02
วันที่ 4 มิ.ย. 2552

อ้างอิงจาก : หัวข้อ 12567 ความคิดเห็นที่ 7 โดย ไตรสรณคมน์

เอ ... จะขัดแย้งกับข้อความในพระสูตรนี้มั้ยค่ะ ... ท่านวิทยากร

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่มที่ ๔๑ - หน้าที่ ๔๔๖

"การนอนจนตะวันขึ้น (นอนตื่นสาย) ความ เกียจคร้าน ความดุร้าย การผัดวันประกันพรุ่ง การ เดินทางไกลของคนคนเดียว การเข้าไปเสพภรรยาของ ผู้อื่น พราหมณ์ ท่านจงเสพกรรม ๖ อย่าง นี้เถิด, สิ่งมิใช่ประโยชน์ [ความพินาศ] จักมีแก่ท่าน."

เข้าใจว่า ท่านคงแสดงโดยนัยที่ต่างกันใช่มั้ยค่ะ?


ผมไม่ใช่วิทยากร แต่ขออนุญาตแสดงความเห็นว่า

ถ้อยคำในกระทู้นี้ และ ในกระทู้

ผู้เที่ยวไปคนเดียวเหมือนนอแรด [ขัคควิสาณสูตร]

เป็นถ้อยคำของพระปัจเจกพุทธเจ้า (หากไม่นับพระศาสดาแล้ว) ซึ่งเป็นบรรพชิตผู้เลิศกว่าบรรพชิตทั้งปวง ส่วนพระคาถาที่ยกมานั้น พระศาสดาทรงแสดงแก่ คฤหัสถ์ ไม่ใช่บรรพชิต อนึ่ง ในการเดินทางไกล พระศาสดาทรงอนุญาตให้พระภิกษุ เดินทางไปกับชาวเกวียนได้ด้วย

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ