ไม่ต้องคิดเรื่องสติปัฎฐาน

 
คุณย่า
วันที่  16 พ.ค. 2552
หมายเลข  12378
อ่าน  1,668

สนทนาพื้นฐานพระอภิธรรม ที่มูลนิธิฯ
วันอาทิตย์ที่ ๑๕ มี.ค ๒๕๕๒

หมอย่างเวลาเราได้ยินเสียง มีการระลึกถึงสภาพรู้ แล้วก็มีความหมาย เราก็ทราบว่า ความหมายนี้ จะเป็นคนละลักษณะกับการได้ยินเสียง ทางตาก็เหมือนกันคือว่า เวลาที่เราเห็นสิ่งที่ปรากฏแล้ว ก็มีสภาพรู้ แล้วมีการคิดๆ ว่าเป็นใคร เป็นอะไรอย่างนี้ ถ้าเราพิจารณาจริงๆ แล้ว มันก็เป็นเพียงสีและขอบเขตของสีเท่านั้นเอง ก็เลยมาคิดถึงว่า ที่เราเห็นเป็นอย่างนี้ไปเพราะว่า เป็นสัญญา ที่นี้คุยกับสหายธรรม เพื่อนๆ ในกลุ่มเขาก็บอกว่า สัญญานี้มีหลายอย่าง ก็เลยคิดถึงเรื่องสัญญา อยากขอให้อธิบายหน่อยได้ไหม ว่ามีอะไรบ้าง

อ.จ. กำลังมีสัญญา เวลาคิดมีสัญญาหรือเปล่า

หมอ มีค่ะ

อ.จ. ถ้าไม่มีจะคิดคำนั้นได้ไหม

หมอ ไม่ได้ค่ะ

อ.จ. แล้วคุณหมอสงสัยสัญญาไหน ก็มีสัญญาทุกขณะ จะรู้สัญญาก็ในขณะที่กำลังมีสัญญา เพราะฉะนั้น จริงๆ แล้วคุณหมอใช้ คำว่า เมื่อระลึก แต่จริงๆ แล้วคุณหมอคิด ใช่ไหม แล้วก็เป็นเรื่องยาว ขณะคิด แต่ละคำ ก็เป็นสัญญาทั้งนั้น ขณะเห็นก็เป็นสัญญา ขณะได้ยินก็เป็นสัญญา ขณะเสียงหรืออะไรก็ตามที่ปรากฎ สัญญาก็จำ ที่จะไม่ให้สัญญาจำ นี้เป็นไปไม่ได้ แต่ไม่รู้ค่ะและต้องการที่จะรู้สัญญา ทำไมคุณหมอเลือกที่จะรู้ สัญญาและสิ่งที่ปรากฎทางตา

หมอ ไม่ใช่เลือกค่ะ เพราะว่า เคยมีสักษณะที่เป็นสัญญาเกิดขึ้น

อ.จ. เคยมี เดี๋ยวนี้มีหรือเปล่า เดี๋ยวนี้ก็มีค่ะ แสดงว่ายังไม่ได้รู้จักสัญญาจริงๆ คำตอบก็คือ เดี๋ยวนี้ก็มีสัญญา

อร. จากที่ฟังสนทนานี้ ดูเหมือนว่าปัญญาขั้นฟังเข้าใจ แล้วที่คุณหมอถามถึงสัญญา ในเวบไซด์ก็จะพูดถึงกันมาก ว่าสัญญาที่มั่นคงเป็นปัจจัยให้สติปัฎฐานเกิด ที่นี้คำถามคือที่ท่าน อ.จ. กล่าวว่า คิด.. คิดไหมว่า ทำไมจึงมีสิ่งที่ปรากฎ คิดหรือยัง คำถามก็คือว่าก่อนที่เหมือนว่าเมื่อจำ ฟังว่าทุกอย่างเป็นธรรม เป็นอนัตตานี้ เหมือนจะมีสติขั้นคิด หรือปัญญาขั้นคิดถึงสภาพธรรม นอกจากสัญญาที่มั่นคงว่าทุกอย่างเป็นธรรมแล้ว ก็จะมีสติขั้นคิดถึงลักษณะ หรือเรื่องราวของธรรมที่ฟัง โดยที่ยังไม่รู้ตรงลักษณะ

อ.จ. โดยมาก ฟังธรรม แล้วก็สติปัฎฐาน แล้วยังไงค่ะ ฟังแค่นี้ ก็จะสติปัฎฐาน ฟังสัญญา ก็สติปัฎฐาน ได้ยินเสียงก็สติปัฎฐาน เข้าใจเสียงหรือเปล่า เข้าใจสิ่งที่ปรากฎขณะนี้หรือยัง แล้วสติปัฎฐานเป็นเพียงชื่อที่พูด เพราะว่ายังไม่ได้เข้าใจสภาพธรรมที่กำลังปรากฎ เพราะฉะนั้น จะค่อยๆ เข้าใจลักษณะของสภาพธรรมที่ปรากฎหรือว่า จะคิดถึงสติปัฎฐาน

อร. ค่อยๆ ฟังให้เข้าใจสภาพธรรม ตามที่ฟัง ที่กำลังปรากฎ

อ.จ. ส่วนใหญ่ จะพากันข้ามกระโดด ศึกษาธรรมแบบกระโดดจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง จากข้อความหน้านี้ไปถึงเล่มโน้น แต่ไม่ได้เข้าใจลักษณะของสภาพธรรม ที่มีจริงๆ ที่กำลังปรากฎในขณะนี้ ทีละเล็กทีละน้อย ไม่ต้องไปคิดเรื่องสติปัฎฐานเลย เพราะว่าถ้าไม่มีความเข้าใจลักษณะของสภาพธรรม ที่กำลังปรากฎ แล้วจะมีอะไรที่จะทำให้สติปัฎฐานเกิดได้


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
saifon.p
วันที่ 17 พ.ค. 2552

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
พุทธรักษา
วันที่ 17 พ.ค. 2552

สติปัฎฐาน เป็นเพียงชื่อที่พูด เพราะว่า ยังไม่ได้ เข้าใจ สภาพธรรม ที่กำลังปรากฎ เพราะฉะนั้น จะค่อยๆ "เข้าใจลักษณะ" ของสภาพธรรมที่ปรากฎ หรือว่า จะ "คิดถึง" สติปัฎฐาน

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
สุภาพร
วันที่ 18 พ.ค. 2552
ขอขอบพระคุณและอนุโมทนาค่ะ แท้ที่จริงแล้วการศึกษาธรรมเพื่อให้รู้สภาพตามความเป็นจริงเป็นปรมัตธรรม ปัญญายังไม่สามารถรู้ได้ เปรียบเหมือนกำลังเขียน "ก" ยังไม่สามารถลากลวดลายให้ได้เป็นตัว กอ ไก่ ซักที ก็ต้องศึกษาพระปัญญาคุณของพระพุทธองค์อย่างมั่นคง ค่อยๆ สะสมความเห็นถูกจนกว่าปัญญาจะเกิด ยังไม่เห็นฝั่งเลยค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
pornpaon
วันที่ 19 พ.ค. 2552

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
Sam
วันที่ 21 พ.ค. 2552

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
orawan.c
วันที่ 26 พ.ค. 2552

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
pamali
วันที่ 14 ต.ค. 2553

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
chatchai.k
วันที่ 24 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ