ทำไมคนเราจึงมักใช้อำนาจ ใช้วาจาที่รุนแรง ... ?

 
พุทธรักษา
วันที่  11 ก.พ. 2552
หมายเลข  11229
อ่าน  1,120

ตอบปัญหาธรรมที่ตึกสรีรวิทยา รพ. ศิริราช ๔ เมษายน ๒๕๒๗

ท่านผู้ฟัง ขอกราบเรียนถามท่านอาจารย์ว่า ปกติธรรมดาในชีวิตประจำวัน ในการปฏิบัติงานทำไมคนเราจึงมักใช้อำนาจ ใช้วาจาที่รุนแรง กระทบกระทั่งเสียดสี ทั้งๆ ที่อยู่ต่อหน้าบุคคลอื่น เป็นจำนวนมากทำไมจึงไม่มีความละอาย ไม่มีความนิ่มนวลถ้าเราต้องอยู่ในสภาพอย่างนี้ จะมีทางทำให้สังคมส่วนนี้ดีขึ้นได้อย่างไร

ท่านอาจารย์ ตราบใดที่ยังมีกิเลส ก็ยังมีการใช้อำนาจ ใช้วาจาที่รุนแรง กระทบกระทั่ง เสียดสี เพราะว่าสภาพธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา และไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใคร ถ้าจะถามทุกคนว่า ชอบคนอย่างไหน ก็จะต้องตอบว่า ชอบคนที่อ่อนหวาน นุ่มนวล มีเมตตา มีกายวาจาที่ดีงาม แต่ว่า ตัวเองเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า คือ แทนที่จะดูบุคคลอื่น ก็ลองสำรวจตัวเองว่า เป็นอย่างนั้นหรือเปล่า

ชอบอย่างหนึ่ง แต่ทำอีกอย่างหนึ่งก็ได้เพราะเหตุใด เพราะไม่สามารถจะเป็นอย่างที่ชอบได้ ทุกคน อยากเป็นอย่างดีที่สุดแต่ว่า การสะสมมาทุกๆ ชาติในสังสารวัฏฏ์ จนกระทั่งในปัจจุบันนี้จึงทำให้มีความคิดอย่างนี้ มีกาย วาจาอย่างนี้ตามที่ได้สะสมมา ที่จะเป็นอย่างนี้ ฉะนั้น จึงควรรู้สึกตัวว่า ขณะใด ที่เป็นอกุศล ขณะที่กายอย่างใด วาจาอย่างใด ไม่ดี และไม่ใช่เพียงรู้ตัวเท่านั้น แต่ควรมีหิริ โอตตัปปะ รู้ถึงโทษ ภัย ของอกุศลนั้นๆ ที่เกิดขึ้น และปรากฏทางกาย ทางวาจาเมื่อมีหิริ โอตตัปปะ ย่อมคิดที่จะพยายามขัดเกลาอกุศล ทางกาย ทางวาจา

การพิจารณาแก้ไขตัวเองนั้น เป็นการแก้สังคม เพราะถ้าสังคม จะแก้สังคมโดยคนในสังคม พยายามจะแก้คนอื่นอย่างนั้น ก็แก้ไม่สำเร็จต่อเมื่อใดที่แต่ละคน ซึ่งรวมกันเป็นสังคมเริ่มแก้ที่ตัวเองก่อน เมื่อนั้น จึงจะแก้สังคมได้สำเร็จ ฉะนั้น ทุกคนที่คิดจะแก้ไขคนอื่นก็ขอให้พิจารณาตนเอง แล้วแก้ไขตนเองเมื่อแต่ละคนแก้ไขตนเองแล้วคนอื่นที่เห็นผล เห็นประโยชน์ ก็อาจจะพยายามที่จะแก้ไขตัวเขาเองบ้างแต่ถ้าคิดเพียงแต่จะแก้ไขคนอื่น โดยไม่แก้ไขที่ตนเองก็ไม่มีทางที่จะสำเร็จ

ขออนุโมทนา


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
ajarnkruo
วันที่ 11 ก.พ. 2552

ท่านอาจารย์กล่าวธรรมะได้ดีมากครับ อ่านแล้วซาบซึ้งจริงๆ ควรแก่การปฏิบัติตามครับ ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 11 ก.พ. 2552

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ไม่มีอะไรที่จะเป็นเครื่องเกื้อกูล ที่จะเป็นไปเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกในลักษณะสภาพธรรมตามความเป็นจริง เข้าใจซึ้งถึงอกุศลที่เกิดขึ้นว่าเป็นอกุศล ไม่ใช่เรา แล้ว ขัดเกลากิเลสในชีวิตประจำวัน ได้ นอกจากพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงเท่านั้นที่จะเกื้อกูลได้ เพราะเหตุว่าแต่ละบุคคลยังมีกิเลส ยังเต็มไปด้วยกิเลส จึงมีการกระทำทางกาย ทางวาจา ที่ไม่ดี ไม่เหมาะไม่ควร (ไม่มีใครอยากจะเป็นในสิ่งที่ไม่ดี แต่จะทำอย่างไรได้ เป็นไปแล้วตามการสะสมมาของแต่ละบุคคล) ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชา แต่เพราะได้ศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรม อบรมเจริญปัญญาในชีวิตประจำวัน ความเข้าใจถูกเห็นถูกเจริญขึ้นไปตามลำดับ ย่อมเป็นเหตุทำให้อกุศลเบาบางลงได้ ตามลำดับขั้นของปัญญา ไม่มีตัวตนที่จะไปเปลี่ยนแปลง แต่เป็นเพราะธรรมฝ่ายดีเกิดขึ้นตามกิจหน้าที่ ดังนั้น ปัญญา ความเข้าใจพระธรรม จึงเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะจะทำให้เข้าใจสภาพธรรมตามความเป็นจริงและสามารถดับกิเลส ดับความไม่ดีทั้งหลายอันเป็นสิ่งที่นำมาซึ่งทุกข์ทั้งหลายทั้งปวงได้ในที่สุด ครับ

... ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
ศิณอนงค์
วันที่ 11 ก.พ. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ เป็นอยู่เช่นกัน และก็ป่วยการจริงๆ ค่ะ หากต้องพยายามง้างคนอื่นในทุกวิถีทาง เพราะขณะนั้น อกุศลของตนเอง เช่น มานะ ก็สะสมเพิ่มเรื่อยๆ เป็นเครื่องร้อยรัด แน่น ขึ้นๆ โดยตนเองก็ไม่รู้สึกเลย เพราะเห็นได้ยาก รู้ตามได้ยาก ปัญญาใดๆ ในโลกก็มิอาจช่วยลดมานะได้ นอกจากพระปัญญาคุณ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
choonj
วันที่ 12 ก.พ. 2552

ผมก็เห็นใจผู้ใช้อำนาจและวาจารุนแรงเหมื่อนกันนะ ถ้าการใช้นั้นไม่ได้เป็นไปด้วยอำนาจของมานะ เมื่อคนเราต่างกันด้วยความรู้ ปัญญา การสั่งสม ความเห็นผิด ความเชื่อ ฯลฯ การที่จะปกครองหรือแสดงความหวังดี บางทีก็ต้องใช้อำนาจและวาจารุนแรงถ้ายังใช้ไม่ได้ผลก็ อย่างว่า ดูแลตัวเองดีกว่า ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
suwit02
วันที่ 13 ก.พ. 2552

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
oom
วันที่ 14 ก.พ. 2552

เห็นด้วยกับความคิดเห็นที่ 2 แต่การใช้อำนาจ ถ้าผู้มีอำนาจ ใช้ด้วยหลักพรหมวิหาร 4 สังคมในปัจจุบันก็คงไม่วุ่นวาย สับสน เดือดร้อน ซึ่งก็คงเป็นเรื่องยาก ถ้าผู้ที่มีอำนาจไม่ได้ศึกษาธรรมะ ก็คงเต็มไปด้วยความหลุ่มหลงในอำนาจของตนเอง อำนาจเป็นสิ่งที่ทุกคนอยากได้ อยากมี เมื่อมีแล้วก็เพียรพยายามรักษาไว้ ไม่ให้เสื่อมสูญติดข้องในลาภสักการะต่างๆ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
paderm
วันที่ 15 ก.พ. 2552
เห็นใจในอกุศลของบุคคลอื่น ขัดเกลากิเลสของตนเอง
 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
hadezz
วันที่ 16 ก.พ. 2552

ขออนุโมทนาในกุศลจิตทุกท่านค่ะ อยากให้อยู่กับตัวเองและแก้ที่ตัวเองให้ดีที่สุด อย่า ละเลยกุศลแม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ควรเริ่มที่ตัวเองดีที่สุด

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
opanayigo
วันที่ 25 ก.พ. 2552

ชอบอย่างหนึ่ง แต่ทำอีกอย่างหนึ่งก็ได้เพราะเหตุใด เพราะไม่สามารถจะเป็นอย่างที่ชอบได้ ทุกคน อยากเป็นอย่างดีที่สุดแต่ว่า การสะสมมาทุกๆ ชาติในสังสารวัฏฏ์ จนกระทั่งในปัจจุบันนี้จึงทำให้มีความคิดอย่างนี้ มีกาย วาจาอย่างนี้ตามที่ได้สะสมมา ที่จะเป็นอย่างนี้.

อนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
chatchai.k
วันที่ 19 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ