ประโยชน์ของการศึกษาเรื่องปฏิสนธิจิต

 
kanchana.c
วันที่  19 พ.ย. 2551
หมายเลข  10447
อ่าน  1,605

ประโยชน์ที่จะรู้เรื่องปฏิสนธิจิตก็คือ หลังจุติของชาตินี้แล้วคือ หลังจากตายแล้ว ปฏิสนธิจิตเกิดสืบต่อทันที ซึ่งไม่รู้ว่าจะเป็นวันไหน ไม่จำกัดวัยว่าจะต้องเป็นในวัยไหน และก็ไม่จำกัดกาลเวลาว่าจะเป็นเช้า สาย บ่าย ค่ำ อาจจะเป็นเย็นนี้ พรุ่งนี้ หรือเมื่อไรก็ได้ ซึ่งเมื่อจุติจิตเกิดแล้วดับไป ปฏิสนธิจิตต้องเกิดขึ้นสืบต่อทันที จึงเป็นสิ่งที่ควรจะต้องรู้เรื่องของปฏิสนธิจิต เพราะเหตุว่าจะต้องมีปฏิสนธิจิตต่อจากจุติจิต และเมื่อปฏิสนธิจิตเกิดแล้ว ก็จะต้องมีจุติอีก แล้วก็มีปฏิสนธิอีก จุติอีก ปฏิสนธิอีก ตลอดเรื่อยไปในสังสารวัฏฏ์ ทำให้เป็นแต่ละบุคคลซึ่งไม่สามารถจะระลึกได้ว่า ได้เคยเป็นใครมาแล้วในอดีต แต่ว่าจะเคยเป็นใครมาแล้วในอดีต ก็เป็นอดีตจริงๆ คือไม่สามารถที่จะกลับไปสู่ความเป็นบุคคลนั้นได้อีก นี่คิดโดยระยะที่ห่าง แต่ถ้าสติปัฏฐานเกิดระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมหนึ่งสภาพธรรมใดในขณะนี้ เช่น ระลึกรู้ลักษณะของสภาพแข็งที่กำลังปรากฏ ควรที่จะได้ทราบด้วยว่า เพียงชั่วขณะหนึ่งในสังสารวัฏฏ์ที่แข็งนั้นปรากฏ แล้วแข็งที่กำลังปรากฏนั้นจะไม่กลับมาปรากฏอีกเลย เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะเป็นการเห็นขณะหนึ่ง ก็เป็นเพียงชั่วขณะเดียวหนึ่งในสังสารวัฏฏ์ การได้ยินสิ่งหนึ่งสิ่งใด เสียงหนึ่งเสียงใดก็ตาม ก็เป็นเพียงชั่วขณะหนึ่งในสังสารวัฏฏ์ เสียงที่ได้ยินและผ่านไปแล้ว ก็จะไม่กลับมาได้ยินอีก เพราะฉะนั้น แต่ละขณะจึงเป็นการเกิดขึ้นและดับสูญไป ไม่กลับมาอีกเลย แต่ว่ามีปัจจัยที่จะทำให้สภาพธรรมคือ นามธรรม จิตและเจตสิกเกิดดับสืบต่อไม่มีวันหยุด เมื่อจุติแล้ว ก็ต้องปฏิสนธิอีก เมื่อปฏิสนธิแล้ว ก็จุติอีก แล้วก็ต้องปฏิสนธิอีก จุติอีก เรื่อยๆ ไป

จากคำบรรยาย "แนวทางวิปัสสนา" ครั้งที่ ๑๒๖๖


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 20 พ.ย. 2551

อนุโมทนาคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
สุภาพร
วันที่ 20 พ.ย. 2551
ขออนุโมทนา
 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
ajarnkruo
วันที่ 20 พ.ย. 2551

สังสารวัฏฏ์ เป็นปกติ คือ เป็นไปอยู่ในขณะนี้แต่ปุถุชนไม่มีปัญญาที่จะเห็นถึงความน่ากลัวของสังสารวัฏฏ์เพราะเสพคุ้นกับอกุศลอยู่เสมอ ชินกับความไม่รู้ หลงอยู่แต่ในความมืดตื้อกลัวตาย ไม่อยากตาย แต่ก็กลับปรารถนาการเกิด ซึ่งจะเป็นเหตุให้ตายอีกอบรมเจริญปัญญาไปจนกว่าจะรู้ความจริง ทางเดียวเท่านั้น...ขออนุโมทนาครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
wannee.s
วันที่ 20 พ.ย. 2551

ประโยชน์ที่ได้รับคือการเข้าใจ การรู้ความจริงและมั่นคงว่าทุกอย่างเป็นธรรมะที่มีจริง ไม่ใช่เรา ทำให้ไม่ประมาทกับชีวิต ทำให้ชีวิตมีสาระ คือทำให้ได้เจริญกุศลยิ่งขึ้นค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
เมตตา
วันที่ 20 พ.ย. 2551

ทุกๆ คนเกิดแล้วตาย ตายแล้วเกิด ติดต่อกันอยู่ในสังสารวัฎฎ์ หาเบื้องต้น เบื้องปลายไม่ได้ แท้ที่จริงก็เป็นเพียง จิต เจตสิก รูป ที่เกิดดับสืบต่อกันอยู่ตลอด เวลานานแสนนาน ซึ่งแต่ละขณะที่เกิดขึ้นล้วนมีเหตุปัจจัยทั้งสิ้น หากไม่ต้องการเกิดอีก ก็ต้องดับเหตุซึ่งก็คือดับตัณหา ดับกิเลสที่มีอยู่ให้หมดสิ้นเป็นสมุจเฉท บรรลุเป็นพระอรหันต์ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากมาก จึงควรไม่ประมาทที่จะอบรมความเห็นถูก ความเข้าใจถูก ค่อยๆ

อบรมเจริญปัญญาจนกว่าจะรู้ความจริงค่ะ

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
suwit02
วันที่ 20 พ.ย. 2551

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
khampan.a
วันที่ 20 พ.ย. 2551

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ทุกชีวิตมีความตายเป็นที่สุดทั้งนั้น ไม่มีบุคคลใดที่เกิดมาแล้วจะไม่ตาย ช่วงระยะตั้งแต่ปฏิสนธิจิต ซึ่งเป็นจิตขณะแรกของภพนี้ชาตินี้ จนกระทั่งถึจุติจิต เกิดขึ้นทำกิจเคลื่อนจากความเป็นบุคคลนี้ในภพนี้ชาตินี้ นั้น ล้วนเป็นจิตแต่ละขณะที่เกิดขึ้นทำกิจหน้าที่ของตนๆ แล้วก็ดับไป สืบต่อมาเป็นลำดับด้วยดี ประมวลรวมเรียกว่าเป็นชีวิตของแต่ละบุคคลในภพหนึ่งชาติหนึ่ง ตราบใดที่ยังไม่ได้ดับกิเลสทั้งหลายทั้งปวงได้อย่างเด็ดขาด ย่อมมีการเกิด การตาย อย่างไม่มีวันจบสิ้น ดังนั้น เมื่อได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ช่วงเวลาที่มีชีวิตอยู่การมีโอกาสได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดง แล้วมีความเข้าใจเพิ่มขึ้นๆ ไปตามลำดับ นั้น เป็นช่วงเวลาของชีวิตที่ประเสริฐเป็นอย่างยิ่ง เพราะจะเป็นไปเพื่อความเข้าใจถูก เห็นถูก ในลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง ถึงแม้ว่าจะยังไม่สามารถรู้แจ้งอริยสัจจธรรมดับกิเลสได้ในภพนี้ ชาตินี้ ก็ตาม แต่ความเข้าใจสภาพธรรม ที่ได้สะสมมาก็ไม่หายไปไหน จึงไม่มีหนทางอื่น ที่จะทำให้ไม่มีการเกิด การตาย อีกในสังสารวัฏฏ์ซึ่งเป็นการดับทุกข์ ดับกิเลสทั้งปวงได้อย่างเด็ดขาด นอกจาก การอบรมเจริญปัญญาเท่านั้น ครับ

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
pornpaon
วันที่ 21 พ.ย. 2551

ขออนุโมทนาค่ะ . . .

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
orawan.c
วันที่ 23 พ.ย. 2551

จะไม่มีปฏิสนธิจิตเกิดอีก ต้องดับกิเลสทั้งปวงได้โดยสิ้นเชิง คือบรรลุคุณธรรมเป็นพระอรหันต์ โดยเริ่มต้นด้วยการฟังพระสัทธรรมเพื่อความเห็นถูก เข้าใจถูกในสภาพธรรมที่กำลังปรากฎ แล้วค่อยๆ อบรมเจริญปัญญาทีละเล็กทีละน้อยไปเรื่อยๆ

ขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ