ทำไมต้องรู้ปรมัตถธรรม !

 
พุทธรักษา
วันที่  19 พ.ย. 2551
หมายเลข  10446
อ่าน  1,365

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ทำไมเราต้องรู้ปรมัตถธรรม

เพราะเหตุว่า ถ้าเป็นพระสูตร การอ่านพระสูตรทั้งหมด จะเป็นเรา ทั้งนั้นเลย ถ้าเพียงอ่านพระสูตรจะมีเรา มีตัวตน ซึ่งเหมือนกับจะทำได้แต่ที่จะรู้ว่าไม่มีตัวตน ก็ต่อเมื่อรู้ว่า เป็นปรมัตถธรรม เท่านั้น

ฉะนั้น สติปัฏฐาน คือเวลาที่สติกำลังระลึกลักษณะที่เป็นสภาพธรรมถ้าไม่อย่างนั้น จะไม่ทรงแสดงพระอภิธรรมไว้เลย.

คนในยุคนั้น เวลาที่เข้าไปทูลถามพระผู้มีพระภาคเมื่อตรัสว่า จักขุไม่เที่ยง...ผู้นั้นตอบว่าไม่เที่ยงผู้นั้นไม่ได้ฟังเรื่องราว

แต่ว่าเข้าใจสภาพธรรมที่มีจริงๆ ในขณะนั้นเช่นเดียวกับ กำลังเห็นในขณะนี้นะคะผู้ที่อบรมเจริญปัญญามาแล้ว เพียงฟังก็รู้ว่าเป็นธรรมะคำว่า เป็นธรรมะ ก็แสดงอยู่แล้วว่าไม่ใช่เขา ไม่ใช่ตัวตน.ธรรมะ กับ ธาตุ คืออันเดียวกันเพราะฉะนั้น ผู้ที่ตอบได้อย่างนั้น คือผู้ที่มีสติระลึกรู้ลักษณะของปรมัตถธรรมจึงสามารถตอบได้ว่า จักขุไม่เที่ยง.เป็นเรื่องของธรรมะ ไม่ใช่เรื่องชื่อ เพราะฉะนั้น ต้องมีธรรมะจริงๆ จึงสามารถที่จะรู้ความจริงได้.

ถ้าไม่มีธรรมะ หรือคิดว่าเป็นเราทำอยู่ตราบใด ขณะนั้นไม่ใช่ สัมมาสติ...ไม่เข้าใจสัมมาสติเพราะว่า สัมมาสติ ไม่ใช่เรา

สัมมาสติ เกิดร่วมกับ สัมมาทิฏฐิซึ่งสัมมาทิฏฐิ ก็ต้องเข้าใจก่อนว่า ไม่ใช่ตัวตนถ้าเป็นเราทำ ก็ต้องเป็นเราไปตลอดไม่ใช่การรู้ลักษณะของปรมัตถธรรม


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
พุทธรักษา
วันที่ 19 พ.ย. 2551

ท่านผู้ฟัง แล้วทำไมถึงมีพระสูตรขึ้นมา

ท่านอาจารย์ เพราะทรงแสดงนัยหลากหลาย ของปรมัตถธรรมเพราะว่า เรื่องราวในพระสูตร ที่ทรงแสดงไว้ทั้งหมดถ้าไม่เข้าใจ อภิธรรม หรือ ปรมัตถธรรม จะไม่รู้เลยว่าทั้งหมด เป็นธรรมะ

ที่เป็นอภิธรรม เพราะเหตุว่าถ้าไม่มีปรมัตถธรรม...อะไรๆ ก็ไม่มี.แต่นัยของพระสูตร แสดงความหลากหลาย และความวิจิตรของสภาพธรรมที่เรียกว่า จิต เจตสิกที่มีมากมายมหาศาล

เพราะฉะนั้น ปรากฏเมื่อไร ปรากฏจากคำพูด จากความคิด ที่เคยกระทำมา ที่เคยสะสมมา

เพราะฉะนั้น จึงทรงแสดงปรมัตถธรรมโดยนัยของชีวิต ของแต่ละบุคคลซึ่งก็ไม่พ้นไปจากปรมัตถธรรม เช่น เรื่องของพระเจ้าพิมพิสาร มีการกล่าวไว้ ในพระสูตรแต่โดยนัยของปรมัตถธรรม คือ จิต เจตสิกและความหลากหลายของจิต ของการกระทำ การสะสมของจิตซึ่งพระสูตรทั้งหมดไม่พ้นไปจากพระอภิธรรมเลย

จะเข้าใจว่าทั้งหมดเป็นปรมัตถธรรมถ้าไม่มีปรมัตถธรรม อะไรๆ ก็ไม่มีเพราะฉะนั้นต้องสอดคล้องกัน อย่างเช่น ทุกขอริยสัจจ์คือการที่รู้ลักษณะที่ไม่เที่ยง

ลักษณะที่ไม่เที่ยง ที่เกิดดับต้องเป็นลักษณะของปรมัตถธรรมเท่านั้น หัวใจ หรือ แก่นแท้จริง คือ พระอภิธรรมพระอภิธรรม คือ การตรัสรู้ ของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า

บรรยายโดย อาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์

ขออนุโมทนา

หัวใจคือ.?

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
Noparat
วันที่ 20 พ.ย. 2551

หัวใจ หรือ แก่นแท้จริง คือ พระอภิธรรม พระอภิธรรม คือ การตรัสรู้ ของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ส่วนหัวใจสำคัญของผู้ศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรม คือ มีความเข้าใจ มีความเห็นถูก และอบรมเจริญปัญญาต่อไปเรื่อยๆ เพื่อขัดเกลากิเลส และ คลายความติดข้อง

ขออนุโมทนาค่ะ....

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
ajarnkruo
วันที่ 20 พ.ย. 2551

แก่นแท้ คือ พระอภิธรรมแม้พระผู้มีพระภาคก็ทรงเคารพธรรมอันยิ่งใหญ่นี้ทำไมต้องรู้ปรมัตถธรรม?ลำพังการรู้เพียงชื่อ หรือเรื่องราว ไม่ได้ช่วยให้พ้นไปจากทุกข์ได้ความจริงที่เป็นปรมัตถธรรม...กำลังปรากฏอยู่ในขณะนี้แต่เรามองข้ามเพราะความไม่รู้มานานแสนนานยิ่งถ้าไม่ได้ฟังพระธรรม ก็ยิ่งจะไม่รู้ และก็จะสะสมความไม่รู้ต่อไปถ้ายังไม่เห็นโทษของอวิชชาก็จะยังไม่เห็นความสำคัญว่า สิ่งที่ควรรู้ คือ ปรมัตถธรรม

...ขออนุโมทนาครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
เมตตา
วันที่ 20 พ.ย. 2551

ถ้าเพียงอ่านพระสูตรจะมีเรา มีตัวตน ซึ่งเหมือนกับจะทำได้แต่ที่จะรู้ว่าไม่มีตัวตน ก็ต่อเมื่อรู้ว่า เป็นปรมัตถธรรม เท่านั้น

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
suwit02
วันที่ 20 พ.ย. 2551

ทุกขอริยสัจจ์คือการที่รู้ลักษณะที่ไม่เที่ยงลักษณะที่ไม่เที่ยง ที่เกิดดับต้องเป็นลักษณะของปรมัตถธรรมเท่านั้น

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
wannee.s
วันที่ 21 พ.ย. 2551

พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ความจริงของสภาพธรรมทั้งปวง พระองค์ก็ทรงเทศนาสั่งสอนพุทธบริษัท ให้รู้ว่าสภาพธรรมทั้งปวงนั้น ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล แต่เป็น ปรมัตถธรรม หรือ อภิธรรม

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
pornpaon
วันที่ 21 พ.ย. 2551

ขออนุโมทนาค่ะ . . .

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
pamali
วันที่ 5 ก.ค. 2553

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
chatchai.k
วันที่ 19 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ