ยาก...แสนยาก

 
ปทปรม
วันที่  21 ต.ค. 2551
หมายเลข  10184
อ่าน  1,129

ชวน เพื่อนรักมามูลนิธิเพื่อฟังพระธรรม เพื่อเจริญปัญญาแสนยาก (เพื่อนบอกว่า ไม่ว่าง ไม่สะดวก ยาก ฟังไม่รู้เรื่อง)

ห้าม เพื่อนรักไม่ให้ไปที่อโคจร และมีแต่ อธรรมวาทียิ่งยากกว่า (เพื่อนบอกว่า ไปฟังจะได้รู้อะไรดีๆ ที่ยังไม่รู้ ใครๆ เขาก็ไปกัน) กาลนี้ อธรรมวาทีชนะธรรมวาที หรืออย่างไร


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 21 ต.ค. 2551

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

เคยได้ยินคำพูดที่ว่า เราก็ไม่ได้เป็นคนดีมาแต่ไหนพอไปเสพคุ้นกับทางผิดเลยคล้อยตามไปได้ง่ายเลย ทางผิดในที่นี้หมายถึงเสพคุ้นกับบุคคลที่เป็นพาล คือทำให้สะสมกาย วาจาและใจที่ไม่ดีเพราะอาศัยการเห็นและการฟัง เป็นต้น ดังนั้นการเสพคุ้นจึงเป็นสิ่งสำคัญจะทำให้เราเจริญในทางกุศลสะสมสิ่งที่ดีทั้งทาง กาย วาจา ใจ หรือสะสมสิ่งที่ไม่ดีมากขึ้นทำให้กาย วาจาไม่ดีมากขึ้นเพราะเสพคุ้นในสิงที่ไม่ดี ที่สำคัญคือ เสพคุ้นกับความเห็นผิดในพระธรรมอันตรายที่สุด แต่คงไม่มีใครไปบังคับจัดการโลกได้ แม้ตัวเราก็ยังบังคับบัญชาไม่ได้เลยเพราะเป็นธรรมทั้งนั้น นี่ไม่ใช่สมัยพุทธกาล อธรรมจึงมีกำลังเป็นธรรมดา จึงทำให้ไม่รู้ว่าสิ่งใดควรไม่ควร สิ่งใดควรเสพ ไม่ควรเสพ หากเข้าใจพระธรรมก็มีแต่กุศลและอกุศลเท่านั้น ไม่มีใคร ไม่มีฝ่าย มีแต่ธรรมอบรมปัญญาของตนเอง เห็นใจคนที่ไม่เข้าใจ ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เตือนเท่าที่จะเตือนได้แล้วก็ปล่อยวางเพราะเข้าใจว่าเมื่อบุคลลถูกกิเลสครอบงำย่อมไม่เห็นอรรถไม่เห็นธรรม ดังนั้น ประโยชน์สูงสุดของการฟังพระธรรม คือ การเข้าใจพระธรรมและขัดเกลากิเลสของตนเองครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
paderm
วันที่ 21 ต.ค. 2551

เรื่อง ชวนไปในทางกุศลกับชวนไปในทางอกุศล อะไรชวนง่ายกว่ากัน

[เล่มที่ 20] พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์เล่ม ๒ ภาค ๒-หน้าที่ ๑๖

อรรถกถาฆฏิการสูตร

บทว่า เอวสมฺม ความว่า แม้ในปัจจุบันนี้ พวกมนุษย์ มีใครชวนว่า พวกเรา ไปไหว้พระเจดีย์ ไปฟังธรรมกันเถอะ จะไม่กระทำความอุตสาหะ แต่ใครๆ ชวนว่าพวกเราไปดูฟ้อนรำขับร้อง เป็นต้น กันเถอะ ดังนี้ จะรับคำด้วยการชักชวน เพียงครั้งเดียวฉันใด โชติปาละก็ฉันนั้นเหมือนกัน เมื่อฆฏิการะชวนว่า ไปอาบน้ำกันเถอะ ก็รับคำด้วยการชวนคำเดียว จึงตอบไปอย่างนั้น.

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
paderm
วันที่ 21 ต.ค. 2551

ฟังธรรมไม่ได้ไปเสพคุ้นอย่างอื่นเพราะกิเลส

[เล่มที่ 43] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔-หน้าที่ ๔๔

พระศาสดา อานนท์ เธอเห็นจะทำความสำคัญว่า ธรรมของเราอันบุคคลพึงฟังได้ โดยง่ายกระมัง

อานนท์ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็ธรรมอันบุคคลพึงฟังได้โดยยากหรือ

พระศาสดา ถูกแล้ว อานนท์.

อานนท์ เพราะเหตุไร พระเจ้าข้า.

พระศาสดา อานนท์ บทว่า พุทฺโธ ก็ดี ธมฺโม ก็ดี สงฺโฆ ก็ดี อันสัตว์เหล่านั้นไม่เคยสดับแล้ว ในแสนกัลป์แม้เป็นอเนก: เพราะฉะนั้น สัตว์เหล่านั้นจึงไม่สามารถฟังธรรมนี้ได้: แต่ในสงสารมีที่สุดอันใครๆ ตามรู้ไม่ได้ สัตว์เหล่านั้นฟังดิรัจฉานกถามีอย่างต่างๆ นั่นแล มาแล้ว: เพราะฉะนั้น สัตว์เหล่านี้จึงเที่ยวขับร้องฟ้อนรำอยู่ในที่ทั้งหลายมีโรงดื่มสุราและสนามเป็นที่เล่นเป็นต้น จึงไม่สามารถจะฟังธรรมได้

อานนท์ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อุบาสกทั้งหลายนั่น อาศัยอะไรจึงไม่สามารถ

ลำดับนั้น พระศาสดาตรัสแก่พระอานนท์ว่า "อานนท์ อุบาสกเหล่านั้น อาศัยราคะ อาศัยโทสะ อาศัยโมหะ อาศัยตัณหา จึงไม่สามารถ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
paderm
วันที่ 21 ต.ค. 2551

(เพื่อนบอกว่า ไปฟังจะได้รู้อะไรดีๆ ที่ยังไม่รู้ ใครๆ เขาก็ไปกัน)

[เล่มที่ 22] พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์ เล่ม ๓ ภาค ๑-หน้าที่ ๒๗๒

เสียงที่ไม่ควรเสพ (ฟัง)

ดูก่อนสารีบุตร เมื่อบุคคลเสพเสียง ที่รู้ได้ทางโสตะแบบไร อกุศลธรรมจะเจริญขึ้น แต่กุศลธรรมกลับเสื่อมลง เสียงที่รู้ได้ทางโสตะแบบนี้ ไม่ควรเสพ.

เสียงที่ควรเสพ (ฟัง)

ดูก่อนสารีบุตร แต่ว่าเมื่อบุคคลเสพเสียงที่รู้ได้ทางโสตะแบบไร อกุศลธรรมทั้งหลายจะเสื่อมลง แต่กุศลธรรมทั้งหลายกลับเจริญขึ้น เสียงที่รู้ได้ทางโสตะแบบนี้ ควรเสพ.

เชิญคลิกอ่านเพิ่มเติมที่นี่ครับ เพื่อเข้าใจว่าสิ่งใดควรรู้จริงๆ ในชีวิตที่เหลืออยู่น้อย

สีสปาสูตร... เสาร์ที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๕๑

ความคิดที่ประกอบด้วยประโยชน์

เคยพิจารณาความคิดของตัวเองบ้างไหม

อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
pornpaon
วันที่ 22 ต.ค. 2551

บุคคลที่อยากให้ได้ยินได้ฟังและลองมาศึกษามากที่สุด คือบุพการีที่เคารพรักทั้งสองและลูกชาย เคยเลียบเคียงและลองสนทนาด้วยหลายครั้ง ผู้เฒ่าที่เคารพทั้งสองท่าน ยินดีกับการนับถือความหวังอันใกล้ มิใช่อะไรที่ต้องรอต้องสะสมกันยาวนานหลายชาติเป็นแสนโกฏิกัปป์ เข้าใจไม่เร่งรัดอะไร เรื่องของการสะสมมาแต่ละบุคคล มีโอกาสคุยกันเรื่องความเชื่อความศรัทธาเมื่อไร ก็ค่อยๆ สอดแทรกกันไป ตามแต่โอกาสที่มี

ส่วนลูกชาย เคยลองชวนมาที่มูลนิธิฯแบบเล่นๆ เขาตอบแบบจริงๆ ว่า ไม่เอาไม่อยากไป แต่เมื่อแม่เปิดวิทยุฟังเสียงท่านอาจารย์ เช้าบ้าง เที่ยงบ้าง เย็นบ้าง เขาก็นั่งเล่นเกมเฉย ไม่เคยบ่นว่าน่ารำคาญอะไร ได้เท่านี้จากเด็กชายที่เริ่มเข้าวัยรุ่นก็ควรพอใจ

ขออนุโมทนาคุณปทปรม

ขออนุโมทนาในกุศลจิตและกุศลวิริยะของทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
ปริศนา
วันที่ 22 ต.ค. 2551
 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
orawan.c
วันที่ 22 ต.ค. 2551

ยากหรือง่ายขื้นอยู่กับการสะสม ธรรมทั้งหลายมีฉันทะเป็นมูล จะไปไหน ฟังอะไร ดูอะไร คิดอย่างไร พูดอะไร อย่างไร ฯลฯ ย่อมขึ้นอยู่กับการสะสม จากการศึกษาและไตร่ตรอง ตาม พบว่าสะสมอกุศลไว้มากและยังสะสมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จึงหมั่นฟังพระสัทธรรมบ่อยๆ เนืองๆ เพื่อเริ่มค่อยๆ สะสมปัญญาและกุศลอื่นๆ เพิ่มขึ้นทีละเล็กทีละน้อย

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
suwit02
วันที่ 22 ต.ค. 2551

สาธุ

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลบางคนในโลกนี้ ย่อมไปเพื่อดูช้างแก้วบ้าง ม้าแก้วบ้าง แก้วมณีบ้าง ของใหญ่ของเล็ก หรือสมณะหรือพราหมณ์ผู้เห็นผิด ผู้ปฏิบัติผิด ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ทัสสนะนั้นมีอยู่ เราไม่กล่าวว่า ไม่มี ก็แต่ว่าทัสสนะนี้นั้นแลเป็นกิจเลว เป็นของชาวบ้าน เป็นของปุถุชน ไม่ประเสริฐ ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ ไม่เป็นไปเพื่อความเบื่อหน่าย เพื่อคลายกำหนัด เพื่อความดับเพื่อสงบระงับ เพื่อรู้ยิ่ง เพื่อตรัสรู้ เพื่อนิพพาน ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ส่วนผู้ใดมีศรัทธาตั้งมั่น มีความรักตั้งมั่น มีศรัทธาไม่หวั่นไหว มีความเลื่อมใสยิ่ง ย่อมไปเห็นพระตถาคตหรือสาวก พระตถาคตการเห็นนี้ยอดเยี่ยมกว่าการเห็นทั้งหลาย ย่อมเป็นไปเพื่อความบริสุทธิ์แห่งสัตว์ทั้งหลาย เพื่อก้าวล่วงความโศกและความร่ำไร เพื่อความดับสูญแห่งทุกข์และโทมนัส เพื่อบรรลุญายธรรม เพื่อทำให้แจ้งซึ่งนิพพาน ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ข้อที่บุคคลผู้มีศรัทธาตั้งมั่น มีความรักตั้งมั่น มีศรัทธาไม่หวั่นไหว มีความเลื่อมใสยิ่งไปเห็นพระตถาคตหรือสาวกของพระตถาคตนี้ เราเรียกว่าทัสสนานุตรรียะ

ขอเชิญอ่านกระทู้ ...

อนุตริยสูตร .. ว่าด้วยสิ่งยอดเยี่ยม ๖

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
เมตตา
วันที่ 22 ต.ค. 2551

ไม่ว่าใครก็ตามถ้าไม่มีอุปนิสัยสะสมมาที่จะฟังพระธรรมไม่ว่าจะเกื้อกูลเขาอย่างไร ก็ยาก....แสนยาก ที่จะเกื้อกูลเขาได้ คงเกื้อกูลเท่าที่จะเกื้อกูลได้เพื่อไม่ให้ทั้ง เขาทั้งเราเกิดอกุศลจิตค่ะ

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
นิบภาณ
วันที่ 23 ต.ค. 2551

ทางโลก กับทางธรรม เปรียบกันไม่ได้อยู่แล้ว แต่ยุคนี้ น่าจะเป็นกลียุค เพราะคนพาลปกครองบ้านเมือง จ้องแต่จะกินงบประมาณของชาติ ขายชาติ ล้มสถาบันศาสนาจะอยู่ได้หรือถ้าไม่มี ชาติ-พระมหากษัตริย์

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
khampan.a
วันที่ 23 ต.ค. 2551

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

แต่ละบุคคลมีอัธยาศัยที่แตกต่างกันออกไปตามการสั่งสม บางครั้งบางกาละ ก็เป็นไปด้วยอำนาจแห่งความสนุกสนาน เพลิดเพลินในทางโลก บางครั้งบางกาละก็มีเหตุมีปัจจัยที่ทำให้ได้ใฝ่ใจในการศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรม บ้าง ไม่ใช่ว่าจะเป็นอกุศลตลอด หรือ จะมีกุศลจิตเกิดตลอดทั้งวัน ย่อมเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เพราะยังไม่ได้ดับกิเลสทั้งหลายทั้งปวงได้อย่างเด็ดขาด จึงมีทั้งกุศล และมีทั้งอกุศล ไม่ว่าจะเป็น ใครก็ตาม การชักชวนให้เพื่อนเป็นไปในทางกุศล ให้ได้เข้าใจธรรม พร้อมกันนั้นก็ห้ามเพื่อนไม่่ให้หลงผิดไปในทางเสื่อมนั้น ย่อมเป็นกิจหน้าที่ที่เพื่อนพึงกระทำ และ เป็นสิ่งที่ดีด้วย กล่าวได้ว่า ผู้มีลักษณะเช่นนี้ เป็นมิตรที่แนะประโยชน์ เป็นมิตรแท้ ซึ่งในเรื่องนี้ พระผู้มีพระภาคได้ทรงแสดงไว้ว่า "

ดูก่อนคฤหบดีบุตร มิตรแนะประโยชน์ ท่านพึงทราบว่าเป็นมิตรแท้ โดยสถาน ๔ ประการคือ ห้ามจากความชั่ว,ให้ตั้งอยู่ในความดี,ให้ฟังสิ่งที่ยังไม่เคยฟังและบอกทางสวรรค์ให้" (สิงคาลกสูตร) ทำหน้าที่ของตนอย่างดีที่สุดแล้ว การที่จะเป็นไปตามคำแนะนำได้มากน้อยแค่ไหนนั้น ย่อมขึ้นอยู่กับตัวของบุคคลนั้นว่าจะรับฟังได้มากน้อยแค่ไหน แต่สิ่งที่ไม่ควรลืมก็คือ ประโยชน์ของตนเอง อบรมเจริญปัญญา ขัดเกลากิเลสของตนเอง เพราะเหตุว่า พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงนั้น อุปการะเกื้อกูลให้พิจารณาตนเองเป็นสำคัญ

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
wannee.s
วันที่ 23 ต.ค. 2551

เปรียบเหมือนลิงที่ทำถั่วเม็ดเดียวหล่นแล้วทิ้งถั่วทั้งกำ ลงไปเก็บถั่วเม็ดเดียว ทิ้งถั่วทั้ง กำก็คือทิ้งประโยชน์ใหญ่ ไม่ฟังธรรมะ ไปเก็บถั่วเม็ดเดียวคือ ดูหนัง ฟังเพลง ไปเที่ยวค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 17  
 
ajarnkruo
วันที่ 25 ต.ค. 2551

วิตก เป็นเหมือนเท้าของโลก ขณะนี้ธรรมะมากมายกำลังปรากฏทางโลกต่างๆ ใจของท่านคิดไปถึงไหน กำลังก้าวไปสู่แห่งหนตำบลใด มีใครคนนั้นจริงๆ ในความคิดของท่านหรือเปล่าหรือมองหาจนทั่วกลับโหวงเหวง ไม่มีสาระอะไรเลย ถ้าคิดแล้วไม่ได้ทำให้หายเบื่อ หรือ ไม่ได้ทำให้หายอยากมาคิดถึงพระธรรมกันบ้าง คงจะดีกว่าเป็นโอสถที่แก้เบื่อ แก้อยาก แก้ความไม่รู้ ได้ชะงัดดีทีเดียวข้อสำคัญ คือ ควรกินให้ถูกขนาดของปัญญาด้วยนะครับ

...ขออนุโมทนาครับ...

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ