ความรู้สึกที่เกิดกับจิต


    ส.   ทุกคนมีความรู้สึกใช่ไหมคะ เดี๋ยวนี้รู้สึกอย่างไรคะ ที่ตัว ตอบได้ไหมคะ รู้สึกอย่างไร ไม่ใช่คนอื่น รู้สึกอย่างไรคะ มีความรู้สึก ๕ อย่าง  คือ รู้สึกเฉย ๆ อย่างหนึ่ง รู้สึกโสมนัส ดีใจเป็นสุข ทางใจ อย่างหนึ่ง แล้วก็โทมนัส ขุ่นเคืองไม่พอใจอย่างหนึ่ง แล้วก็สุขกาย ที่กาย เป็นความรู้สึกที่เป็นสุขสบาย  หรือว่าทุกข์กายอีกอย่างหนึ่ง รวมความแยกเป็นทางใจและทางกาย ถ้ารวมกันก็เป็น ๓ คือ สุข ๑ ทุกข์ ๑ อุเบกขา หรืออทุกขมสุข ๑

    แต่ถ้าแยกทางกายเป็นสุข ทุกข์ ทางใจเป็นโทมนัส โสมนัส เพราะว่าบางคนอย่างพระอรหันต์  ท่านก็มีทุกข์กายได้ ป่วยไข้ได้เจ็บได้ พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ทรงประชวร  แต่ไม่ได้เป็นโทมนัสเลย แต่ว่าสำหรับผู้ที่ยังมีกิเลส ยังไม่ทันจะป่วยเจ็บก็อาจจะกังวลเกิดแล้ว  ใช่ไหมคะ ก็เป็นไปได้

    เพราะฉะนั้น ความรู้สึกต้องเกิดกับจิตทุกขณะ ความรู้สึกเป็นสภาพธรรมที่มีจริง เป็นนามธรรม ไม่มีใครมองเห็น ไม่มีมือ ไม่มีเท้า ไม่มีแขน ไม่มีขา  แต่เป็นธรรมชาติที่รู้สึก ทุกครั้งที่จิตรู้อารมณ์อะไร เวทนาเจตสิกจะเป็นสภาพที่รู้สึกในอารมณ์นั้น

    เพราะฉะนั้น จิตไม่รู้สึก จิตไม่ใช่เวทนาเจตสิก จิตเป็นสภาพที่เป็นใหญ่ในการรู้ แต่ขณะเดียวกันกับที่จิตรู้ เจตสิกอื่น ๆ ที่เกิดร่วมกับจิตนั้นก็รู้อารมณ์เดียวกับจิตนั้น แต่มีหน้าที่ต่าง ๆ กันไปแต่ละอย่างเป็น ๕๒ ชนิด แต่ถ้ากล่าวถึงสัพพจิตสาธารณเจตสิก ก็คือว่าจะขาดเจตสิกหนึ่งเจตสิกใดใน ๗ เจตสิกไม่ได้ คือต้องมีเวทนาเจตสิกเกิดร่วมด้วย จะรู้หรือไม่รู้ก็ตาม ทุกครั้งที่จิตเกิด ผัสสะกระทบอารมณ์ มีอารมณ์ปรากฏที่จะไม่ให้รู้สึกเลย เป็นไปไม่ได้ เพียงแต่เราไม่สามารถจะบอกได้บางครั้งว่าเป็นความรู้สึกอะไร เพราะว่าส่วนใหญ่ เป็นความรู้สึกอะไร ทุกข์ทางกายบ่อยไหมคะ บ่อยหรือไม่บ่อยคะ ขณะนี้เป็นทุกข์หรือเปล่าคะ ทุกข์หรือคะ เจ็บปวด เมื่อยคันตรงไหนคะ เย็นไปหรือคะ ก็เป็นเรื่องที่แต่ละคนจะทราบดี  ว่าความรู้สึกอย่างนั้นต้องมี ทางกายจะเป็นสุขหรือทุกข์  แต่ทางใจไม่เกี่ยวกับทางกายเลย จะเป็นความโสมนัส  หรือโทมนัส แต่ความรู้สึกที่เป็นประจำ คือ อทุกขมสุข อุเบกขา เฉย ๆ เรื่อย ๆ มองหาก็ไม่เห็นว่า ตัวความรู้สึกอยู่ที่ไหน เพราะเฉย ใช่ไหมคะ แต่ความจริงลักษณะที่รู้เฉย เป็นสภาพของเวทนาเจตสิก

    นกมีเวทนาเจตสิกไหมคะ ธรรม ปรมัตถธรรม ไม่มีชื่อ เป็นสภาพธรรม ถ้าพูดถึงจิตเห็น เห็นที่ไหนก็ต้องมีเจตสิกเกิด ๗ ดวง ใครเห็น ไม่เอารูปร่างเข้ามาเกี่ยว ไม่เอาภพภูมิเข้ามาเกี่ยว พรหมเห็นก็ต้องมีเจตสิกเกิดร่วมด้วย ๗ ดวงในขณะที่จิตเห็นเกิด ไม่มากกว่านั้นเลย เพราะนี่เป็นสภาพธรรม  เป็นปรมัตถธรรม  เป็นอภิธรรม

    เพราะฉะนั้นนก สมมติว่านก นกเห็นมีเวทนาเจตสิกไหมคะ  ใครไม่มีเวทนาเจตสิกบ้าง  ถ้าจิตเกิดเมื่อไรต้องมีเวทนาเจตสิกเกิดเมื่อนั้น

    ด้วยเหตุนี้จิตและเจตสิกซึ่งเป็นนามธรรม จำแนกเป็นนามขันธ์ ๔

    ปรมัตถธรรมทั้งหมดมี ๔ คือ จิต เจตสิก รูป  นิพพาน รูปทุกรูปเป็นรูปขันธ์   ขันธ์หมายความว่าเป็นกอง หรือส่วนของรูป จะเป็นนามธรรมไม่ได้เลย รูปในอดีตจะเป็นนามธรรมไม่ได้ รูปในอนาคตก็เป็นนามธรรมไม่ได้ รูปเกิดขึ้นเมื่อไร ขณะไหน รูปต้องเป็นรูป เพราะฉะนั้น จึงเป็นส่วน หรือเป็นกองรูป เป็นรูปขันธ์  รูปของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า  เป็นขันธ์อะไรคะ เป็นรูปขันธ์

    เพราะฉะนั้น รูปขันธ์ไม่ได้หมายความว่าเอาไปกองรวมกัน  แล้วก็เรียกว่าขันธ์  แต่ ๑ รูปก็อยู่ในประเภทของรูปนั่นเอง อยู่ในกองหรือส่วนที่เป็นรูป จะไปอยู่ในส่วนอื่นไม่ได้ ต้องอยู่ในส่วนของรูป เป็นรูปขันธ์

    เพราะฉะนั้นเวลาที่พูดถึงขันธ์ ๕ รูปขันธ์ ๑ เหลือกี่ขันธ์  ๔ ขันธ์ เป็นนามธรรมทั้งหมด


    หมายเลข 9736
    18 ส.ค. 2560