กำลังวาดรูปของชาติหน้า


    ท่านอาจารย์ เงามีจริงไหมคะ เห็นเงาไหม ต้องถามว่าเงาอะไร หรือเงาของอะไร ถ้าไม่มีสิ่งนั้น จะมีเงาของสิ่งนั้นไหม

    ผู้ฟัง ถ้าไม่มีสิ่งนั้น ก็ไม่มีเงา

    ท่านอาจารย์ อยู่ดีๆ จะมีแต่เงา แต่ไม่มีสิ่งที่มีจริงๆ ได้ไหมคะ

    ผู้ฟัง ไม่ได้ค่ะ

    ท่านอาจารย์ ไม่ได้ เพราะฉะนั้น ขณะนี้เงาของปรมัตถธรรมซึ่งเกิดดับ ถ้าไม่มีปรมัตถธรรมจะไม่มีเงาที่แสดงรูปร่างสัณฐานเลย แต่ขณะนี้เห็นเพียงเงา ใครรู้ลักษณะของธรรมที่เกิดดับจนปรากฏเป็นเงาบ้าง ก็ต้องศึกษาโดยเคารพ ศึกษาให้เข้าใจจริงๆ ในสิ่งที่ได้ยินได้ฟังว่า ไม่ใช่ไม่มีอะไร มี สิ่งนั้นเกิดจึงมี แต่มีชั่วคราวแล้วก็หมดไป แล้วไม่กลับมาอีก

    เพราะฉะนั้น ความจริงก็คืออย่างนี้แหละ ที่ใช้คำว่า “โลก” หรือ “โลกะ” หมายความถึงสิ่งที่เกิดแล้วก็ดับไปทั้งนั้นเลย สิ่งที่เป็นโลกเป็นอย่างนี้ สิ่งที่พ้นจากโลก เหนือโลก คือ โลกุตตระไม่เกิด จะดับได้ไหม ถ้าไม่เกิด

    นี่คือเหตุผลตามความเป็นจริงที่จะต้องพิจารณาจนกระทั่งเข้าใจขึ้น

    รู้กับไม่รู้ อะไรดีกว่ากัน เกิดมาแล้วเป็นมนุษย์ด้วย จะรู้หรือจะไม่รู้ เพราะไม่รู้นี่ง่ายมาก สัตว์เดรัจฉานก็ไม่รู้ เกิดมารู้ไม่ได้เลย แม้จะได้ยินเสียงอย่างนี้ ก็ไม่สามารถเข้าใจได้ เพราะว่าจิตที่ปฏิสนธิที่เกิดต่างกัน

    นี่ก็แสดงถึงความหลากหลายแล้ว

    เพราะฉะนั้น ประโยชน์ของการเกิดเป็นมนุษย์ อยู่ที่สามารถเข้าใจความจริงของสิ่งที่มีจริงตลอดชีวิต แต่ถ้าเกิดมาแล้วไม่เข้าใจอะไรเลยสักอย่างเดียว มีแต่อกุศล โลภะบ้าง โทสะบ้าง ชอบคนที่มีโลภะ โทสะมากๆ ไหม เป็นแน่ๆ ไม่ใช่คนอื่นเลย คนที่กำลังไม่รู้ความจริงของสภาพธรรม

    เพราะฉะนั้น ลองคิดดูจากไม่มีคนนี้เลย เพราะยังไม่ได้เกิดมาเป็นคนนี้ แล้วเกิดมาเป็นคนนี้แต่ละวันๆ เห็นบ้าง ได้ยินบ้าง แล้วก็หามีไม่ คือ หาคนนี้อีกไม่ได้เลย แต่มีธรรม หรือมีความจริงจากแต่ละขณะซึ่งเกิดมาแล้ว ก็ไม่รู้ และสะสมความชอบบ้าง ความไม่ชอบบ้างมากมายมหาศาล

    เพราะฉะนั้น แต่ละคนเมื่อจากโลกนี้ไปแล้ว ก็มีกรรมหนึ่งที่ทำให้เกิดขึ้น แล้วแต่ว่าจะเป็นใคร แล้วกรรมทั้งหลายที่สะสมมาก็ประมวลมาซึ่งความต่าง และความหลากหลายของแต่ละคน ซึ่งเกิดมาแล้วต้องเป็นไป ไม่ว่าจะเป็นอะไรทั้งสิ้น เป็นนก เกิดมาแล้วก็ต้องเป็นไป เป็นคนเกิดมาแล้วก็ต้องเป็นไป เกิดแล้วต้องเป็นไปตามเหตุตามปัจจัยที่ได้สะสมมา แต่ไม่รู้เลย แล้วก็จากไป หมดไป ไม่กลับมาอีก เป็นอย่างนี้ตลาดไป พอหรือยัง หรือก็ดี ต่อไปอีกก็ได้ เป็นไปเรื่อยๆ นี่คือความหมายของสังสารวัฏ เพราะเหตุว่าแม้ขณะนี้เองที่ใช้คำว่า “สังสารวัฏ” การสืบต่อวนเวียนไม่พ้นจากทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ทุกอย่างที่มีจริงเป็นสิ่งหนึ่งในสังสารวัฏ ถ้าขาดสิ่งนั้นไปก็ไม่มีสังสารวัฏ

    เพราะฉะนั้น ทุกคำที่พูด ไม่ใช่พูดลอยๆ แต่พูดด้วยความเข้าใจความจริง เพราะฉะนั้น ทุกคนเหมือนนักเขียนภาพ ช่างวาดกำลังวาดภาพของชาติหน้า ใครวาดเก่งไหมคะ วาดเสียสวยน่าดู หรือว่าน่ารังเกียจ ไม่ใช่คนอื่นทำให้เลย ธรรมซึ่งเป็นกุศล และอกุศลซึ่งสะสมอยู่ ก็ทำให้แต่ละหนึ่งเป็นไปโดยหลากหลาย ซึ่งไม่ซ้ำกันเลย

    กำลังวาดรูปอยู่หรือเปล่าคะ รูปใคร รูปคนอื่นจากคนนี้ซึ่งจะเป็นคนนี้อีกต่อไปไม่ได้ วาดดีๆ ก็แล้วกันนะคะ


    หมายเลข 9237
    19 ก.พ. 2567