อสัญญสัตตาพรหม


    ส.   อะไรเป็นปัจจัยให้เกิดเป็นอสัญญสัตตาพรหม อะไรคะ

    เสกสรร   ฌานจิต

    ส.   ฌานจิต ไม่ใช่อรหัตมรรค อรหัตผล ไม่ใช่ดับกิเลส เพราะฉะนั้นในฌานจิตยังมีกิเลสไหม

    เสกสรร   ในฌานจิต ขณะที่ฌานจิตเกิดก็คงไม่มี เพราะเป็นกุศล

    ส.   แต่เมื่อไม่ใช่พระอริยบุคคล กิเลสมีไหม ในจิตดวงนั้น ที่ยังไม่ได้ดับ

    เสกสรร   ในขณะที่ฌานจิตเกิด

    ส.   จิตเกิดขึ้นทีละ ๑ ขณะ ไม่ต้องเป็นฌานจิตหรือไม่ใช่ฌานจิตก็ตาม เวลาที่เป็นวิบากจิต ขณะนั้นอกุศลเจตสิกก็ไม่ได้เกิดร่วมด้วย แต่มีกิเลสหรือเปล่า เพราะว่าไม่ใช่พระอริยบุคคล

    เสกสรร   คือในขณะที่เป็นมหัคคตจิต ปสาททั้ง ๖ ไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น

    ส.   เอาจิต ๑ ขณะ ๑ ขณะ เพราะว่าจิตเกิดทีละ ๑ ขณะ ในจิตขณะหนึ่งๆ   เมื่อไม่ใช่พระอริยบุคคล มีกิเลสไหมคะ

    เสกสรร   กระผมไม่สงสัยเรื่องมีกิเลส  ต้องมีแน่ เพราะอวิชชายังไม่ดับ แต่กระผมสงสัยในประเด็นที่ว่า ผู้ที่จะไปเกิดในอสัญญสัตตาพรหมภูมินั้นเต็มไปด้วยอำนาจของฌานจิต แล้วขณะที่ฌานจิตเกิดเป็นมหัคคตอารมณ์

    ส.   มีกิเลสไหม

    เสกสรร   ทีนี้คำว่า กิเลส ถ้าหากว่าตัวนำไปคือตัวกรรม เพราะว่าเหมือน ยกตัวอย่าง เช่นว่า สัตว์ที่อยู่ปากคอก ที่จะไปเกิดใหม่

    ส.   แต่ต้องมีอนุสัยกิเลส เพราะเหตุว่าไม่ใช่พระอริยบุคคล และไม่ใช่พระอรหันต์ เพราะฉะนั้นผู้ที่จะไม่เกิดอีกมีบุคคลเดียว คือ พระอรหันต์เท่านั้น เพราะฉะนั้น ถ้าบุคคลนั้นไม่ใช่พระอรหันต์แล้วยังต้องเกิด

    เสกสรร   ทีนี้ผมสงสัยในปัจจัย พระพุทธองค์ว่าทุกอย่างเกิดจากเหตุปัจจัย

    ส.   เพราะฉะนั้นเราต้องคิดถึงจิตขณะที่ทำให้ไปเกิดเป็นอสัญญสัตตาพรหมว่าจิตที่จะเป็นเหตุให้เกิดเป็นอสัญญสัตตาพรหมยังมีกิเลสไหม เมื่อยังมีกิเลส ปัจจัยยังมี ไม่ใช่ไม่มีเลย เพราะฉะนั้นทุกคนควรจะคิดถึงกรรมที่ได้ทำแล้วนาน ทำไมวิบากเพิ่งเกิด ยังไม่ต้องไปถึงอสัญญสัตตาพรหม เพียงแต่กรรมในชาติไหนก็ตาม ทำไปแล้วนานแล้ว แล้วทำไมวิบากเพิ่งเกิด

    นี่ก็แสดงให้เห็นว่าเหตุดับไปแล้วก็จริง แต่ว่าตราบใดที่ยังมีปัจจัยอยู่ ก็ทำให้ผลเกิดขึ้นได้ เพราะฉะนั้นสำหรับอสัญญสัตตาพรหมก็ไม่มีปัญหา ก็เหมือนกับกรรมอื่นๆเหมือนกัน

    เสกสรร   คือไม่เป็นโมฆะ หมายความว่า ผู้ที่ไปเกิดนั้น เกิดในขณะที่ ถ้าเป็นกุศลมาก่อนก็ไปก่อน แต่ว่าในขณะเดียวกันกรรมอื่นๆที่เรายังไม่ทราบ สามารถให้ผลในตอนหลังได้ อาจจะเป็นกรรมหนึ่งกรรมใด

    ส.   เวลานอนหลับ ก็ไม่มีกรรมอะไรจะมาให้ผลทางตา หู จมูก ลิ้น กาย แต่พอตื่นขึ้นกรรมที่ได้ทำแล้วในแสนโกฏิกัปป์ ให้ผลทางตาก็ได้ ทางหูก็ได้  เพราะฉะนั้นอสัญญสัตตาพรหมก็โดยนัยเดียวกัน แต่ไม่ใช่หลับเท่านั้นเอง เพียงแต่ขณะนั้นเป็นอสัญญสัตตาพรหม


    หมายเลข 8997
    13 ก.ย. 2558