เด็กๆกับธรรม - ธรรมมีประโยชน์อย่างไร


    นิภัทร คำว่าตัวว่าตน ว่าเราว่าเขา ว่าบุคคล ว่าคนโน้นคนนี้ ไม่มี แต่ที่มีคือของจริง คือธรรม คือ ปรมัตถธรรม ที่มีคือของจริง ของจริงมีอยู่ ๒ อย่าง อะไรบ้าง

    ตอบ  รูปธรรมกับนามธรรม

    แอ๊ว  รูปธรรมคืออะไร และนามธรรมคืออะไร ต่างกันอย่างไร

    ตอบ  รูปธรรมคือไม่รับรู้ และนามธรรมคือเราสามารถรับรู้ได้

    แอ๊ว  แล้วรูปธรรมที่บอกว่ารับรู้ไม่ได้ มีอะไรบ้าง ยกตัวอย่าง

    ตอบ  สิ่งของ โต๊ะ ไมโครโฟน เก้าอี้

    แอ๊ว  และในตัวเรามีไหมคะ

    ตอบ  มีค่ะ เช่น นาฬิกา เสื้อผ้า

    แอ๊ว  ในตัวเราที่ไม่รู้อะไรเลย

    ตอบ  เส้นผม ขนตา

    แอ๊ว  แล้วมีอะไรอย่างอื่นอีกไหมคะที่เป็นรูปธรรม หู เป็นอะไรคะ

    ตอบ  เป็นรูปธรรม

    แอ๊ว  แล้วอย่างอื่นล่ะคะ เสียง

    ตอบ  เสียงน่าจะเป็นรูปธรรม

    แอ๊ว  ทำไมถึงบอกว่าเป็นรูปธรรม

    ตอบ  ไม่รู้ค่ะ

    แอ๊ว  ไม่รู้ ก็เข้ารูปธรรม คือ คำจำกัดความต้องให้แม่นยำ คือ เปลี่ยนแปลงไม่ได้

    ถาม   เราจะนำความรู้เรื่องรูปธรรมกับนามธรรมที่เราเรียนแค่ขั้นนี้ ไปใช้กับชีวิตประจำวันได้อย่างไร หรือเราจะไปแยกแยะอะไรได้บ้าง

    ท่านอาจารย์ ชีวิตประจำวันเป็นเราใช่ไหมคะ ถูกหรือผิด

    ผู้ฟัง ครับ เราคิดว่าเราเป็นเรา

    ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้นเราเกิดมา เรามีความรู้เรื่องโลก เรื่องชีวิต เรื่องเราหรือเปล่า หรือเราไม่เคยรู้เลย มีแต่เราตลอดตั้งแต่เกิดจนตาย ซึ่งถูกหรือผิด

    ผู้ฟัง ช่วยขยายอีกที

    ท่านอาจารย์ คืออย่างนี้นะคะ เราเกิดมาก็มีความเป็นเรา ทุกวันตั้งแต่เกิดจนตาย ถูกหรือผิด ที่ว่าเป็นเราทุกวันตั้งแต่เกิดจนตายทุกวันนี่ ถูกหรือผิด

    ผู้ฟัง เราก็ไปคิดว่าเป็นอย่างนั้น

    ท่านอาจารย์ ความคิดอย่างนั้นถูกหรือผิด

    ผู้ฟัง ถ้าผมไม่ได้เรียนธรรม ผมไม่รู้ว่าถูกหรือผิด

    ท่านอาจารย์ เมื่อเรียนแล้วถูกหรือผิด

    ผู้ฟัง ก็ยังไม่ทราบได้

    ท่านอาจารย์ เราเรียนแล้วว่า ทุกอย่างที่มีจริง ของมีจริงต้องเป็นธรรม แล้วก็เป็นอนัตตาด้วย ธรรมหมายถึงธาตุ หรือธาตุ ไม่มีใครเป็นเจ้าของ เราหลงยึดถือว่าเป็นเรา แต่ไม่มีอะไรเหลือ ทุกวันๆนี่เกิดแล้วก็หมดไป หมดไป ๆ ๆ ไม่มีอะไรเหลือ แล้วก็บังคับบัญชาไม่ได้ เพราะฉะนั้นที่เคยคิดว่าเป็นเรา ยั่งยืน บังคับบัญชาได้ จะทำอะไรก็ได้ จะได้รับความสำเร็จอย่างนั้นอย่างนี้ เป็นความเห็นถูก หรือเป็นความเห็นผิด

    ผู้ฟัง เป็นความเห็นผิด

    ท่านอาจารย์ ถ้าเป็นความเห็นผิด เราก็จะเห็นประโยชน์ว่า เมื่อเราเกิดความเห็นถูกขึ้น หรือเราก็จะปล่อยให้มีความเห็นผิดต่อไป อยู่ที่เราค่ะ ในเมื่อเวลานี้เราเริ่มรู้แล้วว่า มีความเห็น ๒ อย่าง ความเห็นผิดกับความเห็นถูก และเรายังคงมีความเห็นผิดต่อไปอีก หรือเราจะทำความเห็นถูกให้ถูกขึ้นเรื่อยๆ

    นี่คือประโยชน์ในชีวิตประจำวัน

    ผู้ฟัง ผมไม่ได้มาตอนเริ่ม อาจารย์ได้พูดถึงว่า เราเรียนธรรมเพื่ออะไรหรือยัง

    ท่านอาจารย์ อะไรเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต มีคนตอบว่า ความสุข แต่ความสุขก็ไม่ยั่งยืน แล้วบังคับบัญชาไม่ได้ด้วย แล้วก็ทำให้เราติดข้องต้องการแต่ความสุข หาทุกสิ่งทุกอย่างทุกวันเพื่อความสุข ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ บางคนก็ทำความเดือดร้อนให้คนอื่น ทำความทุจริตเบียดเบียนตั้งแต่เล็กแต่น้อย จนกระทั่งถึงใหญ่ๆ โตๆ ก็ได้ เพื่อแสวงหาความสุข ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องเลย เพราะไม่ใช่ความสุขที่แท้จริง  ความสุขอะไรก็ตามที่เกิดขึ้น สิ่งนั้นไม่ยั่งยืน ดับทันที  หมดไปเลย แล้วทำไมเราจึงไปติดข้องกับสิ่งที่เพียงเกิดแล้วก็หมดไป อย่างทุกวันเราเห็น แล้วเราไม่รู้ตัวสักนิดว่า เราเห็นแล้วเรามีความรู้สึกอย่างหนึ่งอย่างใดกับสิ่งที่เห็นตลอดเวลา รักบ้าง ชังบ้าง เฉยๆบ้าง แต่สิ่งนั้นก็หมดไป เพียงแค่เกิดมาให้มีความรู้สึกรักชังแล้วก็หมดเท่านั้นเอง แม้แต่ความรู้สึกรัก ชัง เฉยๆนั้นก็ไม่เหลือด้วย คือทุกสิ่งอย่างไม่มีอะไรเหลือ แล้วเราควรจะรู้ความจริงอันนี้ หรือไม่ควรจะรู้ให้ติดต่อไป ให้หลงต่อไป ให้หวังต่อไป ให้เป็นทุกข์ต่อไป

    นี่คือประโยชน์ของการฟังพระธรรม คือ รู้ว่าอะไรเป็นสัจธรรม เป็นความจริง ซึ่งมีประโยชน์มากมายมหาศาลกับทุกชีวิตที่ได้รู้ความจริง ถ้าไม่รู้ความจริง เราจะมีความเป็นเรามากมาย แล้วก็จะเป็นเหตุให้เกิดอกุศลเยอะแยะหมดเลย ทุกชาติๆ ไป เพิ่มขึ้นๆ

    เพราะฉะนั้นเราจะเห็นชีวิตของคนที่ต่างกัน บางคนก็นิสัยดี บางคนก็เห็นแก่ตัว บางคนก็ขี้โกหก พูดอะไรก็ไม่จริง บางคนสิ่งที่ไม่ดีทำไม่ได้เลย พูดจริงตลอด คำไม่จริงเขาไม่สามารถจะกล่าวได้  หรือสิ่งที่ไม่ดี เขาก็ทำไม่ได้ บางคนวาจาดีมาก ในขณะที่บางคนก็กล่าววาจาที่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนใจ รำคาญหู เสียงก็เหี้ยม หรือดุร้าย แต่อีกคนก็รู้เลยว่า ถ้าไม่พูดคำนั้นจะมีประโยชน์กว่า

    เพราะฉะนั้นเราเอง เราก็พอที่จะรู้ได้ว่า ชีวิตของเรา ถ้ามีคน ๒ คน ให้เราเลือกว่า เราจะเป็นคนไหน คนดีกับคนชั่ว ทั้งกาย ทั้งวาจา ทั้งใจ ทุกคนย่อมอยากเป็นบุคคลที่ดีพร้อม กาย วาจา ใจ มีหนทางที่จะดีพร้อม หนทางนั้นคือคำสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า  ถ้าไม่มีคำสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เรารู้ไม่ได้เลยว่า กายของทุกคนที่เคลื่อนไหวขยับเขยื้อนมาจากจิตชนิดไหน คำพูดบางคำก็ดูหวานดี แต่ต้องการอะไรในคำหวานๆนั้นหรือเปล่า เลียบเคียงต้องการจะได้สิ่งนั้นสิ่งนี้ แล้วก็ใช้คำพูดอย่างนั้นอย่างนี้หรือเปล่า

    นี่ค่ะก็เป็นสิ่งที่มีจริง ไม่มีการหลอกตัวเองได้ เพราะตัวเองต้องรู้ อย่างคนที่พูดเท็จ เขารู้ตั้งแต่คิดว่า เขาจะกำลังพูดสิ่งที่ไม่จริง  เวลาพูด เขาก็รู้ว่ากำลังพูดสิ่งที่ไม่จริง พูดแล้วก็รู้อยู่ว่า พูดแล้วในสิ่งที่ไม่จริง

    เพราะฉะนั้นสิ่งต่างๆเหล่านี้ ใครชอบคำไม่จริง ที่จะเป็นคนไม่ดีด้วยประการทั้งปวง แต่การที่จะเป็นคนดีไม่ง่าย ถ้าจะดีได้จริงๆ ก็เพราะปัญญาที่รู้ความจริงว่า ทุกอย่างเป็นไปตามเหตุปัจจัยทั้งสิ้น เพราะทุกคนอยากจะดี แต่ทำไมบางคนไม่ดีเพราะอะไร เพราะฉะนั้นมีหนทางเดียว ที่จะทำให้ทุกคนค่อยๆดีขึ้น เพราะมีปัญญารู้ความจริงขึ้น ไม่อย่างนั้นเราจะไม่เสียเวลามานั่งฟังที่มูลนิธิ หรือไม่อย่างนั้นจะไม่มีมูลนิธินี่หรอก กว่าจะมีมูลนิธินี้ได้ก็แสนยาก เพราะต้องการให้ทุกคนได้เข้าใจความจริงว่า พระธรรมที่ทรงแสดงไว้คืออย่างไร และเป็นประโยชน์อย่างไร


    หมายเลข 8567
    10 ก.ย. 2558