พิจารณารูปนามอย่างไร
ถาม ผมยังใหม่ๆ ขอให้ท่านอาจารย์การพิจารณาสภาพนามธรรมและรูปธรรม
ท่านอาจารย์
เพราะฉะนั้นบางคน เขาก็จะถามตัวเขาว่า หิว เป็นรูปหรือนาม ทั้งๆที่ลักษณะของนามก็คือสภาพรู้ หรือรู้สึก ส่วนรูปไม่สามารถจะรู้อะไรได้เลยทั้งสิ้น ทั้งๆที่เป็นอย่างนี้ก็ยังสงสัย แล้วหิว เป็นนามหรือรูป
ผู้ฟัง
ท่านอาจารย์ ถ้าเข้าใจถูกก็ตอบได้ รูปไม่หิวเลย รูปไม่มีทางจะหิวได้ รูปไม่สามารถจะรู้สึกอะไรได้เลย
ถ้าจะค่อยๆพิจารณาธรรม คือ สิ่งที่กำลังมี แล้วเกิดระลึกพิจารณา นี่ก็คือใครห้ามไม่ได้ที่จะคิดอย่างนี้ เพราะไม่มีปัจจัยพอที่สติปัฏฐานจะเกิด แต่ความเข้าใจธรรม การตรึกถึงธรรม การฟังธรรม การสนทนาธรรมจะทำให้ความเข้าใจเพิ่มขึ้น เมื่อมีสัญญา ความจำที่มั่นคง คือ ความเข้าใจ สัญญาที่นี่ต้องหมายความว่า เกิดร่วมกับปัญญา ความเห็นถูก เข้าใจถูกในสิ่งที่ได้ยินได้ฟัง มั่นคงขึ้น สติปัฏฐานก็ระลึก ซึ่งจริงๆ สติปัฏฐาน ไม่ได้ลำบากยากเลย มีแข็งปรากฏ ไม่เคยรู้ตรงแข็ง ก็รู้ตรงแข็ง ซึ่งความจริงแข็งตรงนั้น รู้แล้ว เพราะว่ากายวิญญาณรู้แล้ว แต่ไม่ใช่สติที่ระลึกที่จะศึกษา ที่จะรู้ ที่จะค่อยๆเข้าใจตรงนั้น
เพราะฉะนั้นเวลาที่แข็ง อย่างที่ทุกคนกำลังแข็งเดี๋ยวนี้ ผู้ที่ฟังและมีปัจจัยพอก็รู้ตรงแข็ง ทั้งๆที่แข็งมีปรากฏต้องมีกายวิญญาณแล้ว ไม่ต้องไปนั่งเทียบเคียงว่า ต้องมีกายวิญญาณก่อน และสติระลึกตรงแข็ง เพราะว่าแข็งเขามีเป็นปกติ ทุกคนก็รู้แข็ง แต่ขณะที่กำลังใส่ใจ สนใจ ค่อยๆเข้าใจ ค่อยๆรู้ขึ้นว่า แข็งเป็นสภาพธรรมอย่างหนึ่ง ขณะนั้นมีรู้แข็งไหมคะ
ผู้ฟัง
ท่านอาจารย์
ผู้ฟัง
ท่านอาจารย์
ผู้ฟัง
ท่านอาจารย์
กว่าจะค่อยๆเข้าใจอย่างคร่าวๆ ก็เป็นความละเอียดขึ้นๆ แต่ก็เป็นชีวิตธรรมดาตามปกติ อย่างที่คุณกุลถามทุกอิริยาบถ เดี๋ยวนี้เอง เมื่อไรก็เมื่อนั้น จะมีใครรู้ล่วงหน้าไหมว่า สติปัฏฐานจะเกิด ไม่มีทาง มีใครรู้ไหมคะว่า จะได้ยินเสียง มีใครรู้ไหมคะว่า จะคิดอะไร
เพราะฉะนั้นแม้แต่คิดของแต่ละคน ก็ตามการสะสม มีเหตุปัจจัยที่จะให้เป็นอย่างนั้น