ถ้าไม่รู้จักรูปนาม ก็ระลึกไม่ได้
พระ ก่อนหน้าที่เราจะเข้าใจเรื่องสติปัฏฐาน เราก็ต้องได้รับเหตุปัจจัยของสติปัฏฐานมาก่อน
ท่านอาจารย์
พระ ต้องฟังมากๆ เมื่อเข้าใจแล้ว สติปัฏฐานจึงเกิดขึ้น
ท่านอาจารย์
พระ เหตุปัจจัยของการที่สติปัฏฐานจะเกิด ส่วนหนึ่งเกิดจากการได้ศึกษามาก ฟังมาก ใคร่ครวญมาก ท่องมาก
ท่านอาจารย์
พระ ที่เข้าใจก็ต้องเกิดจากเหตุปัจจัยด้วย
ท่านอาจารย์
พระ ตามปกติแล้ว ทั้งรูปทั้งนามนั้นเป็นธรรมชาติที่เกิดแล้วดับเร็ว ถ้าเราจะรู้ รู้ที่ดับไปแล้ว ขณะดับ หรือว่า
ท่านอาจารย์
พระ ถ้าเราไม่รู้ว่า รูปธรรมคืออะไร นามธรรมคืออะไร จะไประลึกอย่างไร
ท่านอาจารย์
พระ ปกติแล้วต้องรู้ก่อน
ท่านอาจารย์
พระ ขณะที่เราเห็นรูป สีปรากฏทางตาก็เป็นคิดอีก
ท่านอาจารย์
พระ เพราะตามปกติแล้ว ธรรมชาติของความคิดก็คือจิต
ท่านอาจารย์
พระ แต่ทุกครั้งที่ผ่านทางปัญจทวาร ก็ลงมโนทวารทุกครั้ง
ท่านอาจารย์
พระ เพราะฉะนั้นเรื่องของความคิด กับเรื่องของการรับรู้อารมณ์ทางตา เราไม่สามารถกล่าวได้ว่า ไม่ใช่ความคิด เพราะว่าทุกครั้งที่ผ่านทางปัญจทวาร ต้องไปทางมโนทวาร
ท่านอาจารย์
เพราะฉะนั้นเมื่อมีการเห็นแล้ว แม้ว่าจะมีการรู้ว่า เป็นประตู เป็นหน้าต่างแล้วก็ตาม แต่แม้กระนั้นการเห็นนั้นก็มีอีก เพราะฉะนั้นสติปัฏฐานจึงสามารถระลึกลักษณะของสภาพธรรมได้ ไม่ว่าจะเป็นสภาพที่เพียงเห็น หรือสภาพที่เพียงปรากฏให้เห็น หรือเป็นสภาพที่กำลังคิด รู้ว่าเป็นหน้าต่าง รู้ว่าเป็นประตู เพราะว่าทั้งหมดไม่ใช่เราเลย เป็นสภาพธรรมแต่ละอย่าง ซึ่งมีลักษณะจริงๆแต่ละทาง
เพราะฉะนั้นต้องรู้ความต่างว่า ความคิดไม่ได้เกิดทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ขณะใดที่เห็น ไม่ใช่ขณะที่คิด เพราะฉะนั้นเมื่อมีความรู้ความเข้าใจอย่างนี้ สติจึงสามารถระลึกลักษณะที่คิดก็ได้ ลักษณะที่เห็นก็ได้ หรือสิ่งที่กำลังปรากฏก็ได้ เพราะทั้งหมดเป็นสภาพธรรมที่มีจริง
พระ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรที่เราจะเห็นรูปทางตา ฟังเสียงทางหู รู้กลิ่นทางจมูก ลิ้มรสทางลิ้น นึกคิดทางใจ อะไรก็ตาม เมื่อธรรมชาติอย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้น เราก็สามารถมีสติระลึกรู้ได้ทั้ง ๖ ทวาร
ท่านอาจารย์
พระ เพราะสติเกิดจากปัจจัย
ท่านอาจารย์
พระ อย่างเช่นเราเห็นเก้าอี้ ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรที่เราจะเห็นเก้าอี้
ท่านอาจารย์
พระ ใช่ เพราะทุกครั้งที่เราเห็นรูปทางตา ลงมโนทวารแน่นอน แล้วการเห็นสี ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร ที่เราจะเห็นเป็นดอกไม้ ใช่ไหม
ท่านอาจารย์
ไม่ใช่เรื่องกังวล หรือไม่ใช่คิดด้วยความเป็นตัวตนว่า จะทำอย่างนี้ จะทำอย่างนั้น จะเสียหาย ไม่เสียหาย แต่เป็นเรื่องสภาพธรรมที่มีเป็นปกติอย่างไร ปกติทีเดียวเจ้าค่ะ
เพราะฉะนั้นข้อความในพระไตรปิฎก ในสติปัฏฐานสูตรเองจึงกล่าวว่า เป็นผู้มีปกติระลึกรู้ของลักษณะของสภาพธรรม ถ้าสภาพธรรมไม่ปรากฏ จะระลึกได้อย่างไร
เพราะฉะนั้นในขณะที่สภาพธรรมกำลังปรากฏนี้เอง สติก็ระลึกลักษณะที่เป็นนามธรรมหรือรูปธรรม เพราะเหตุว่าไม่ใช่เรา แล้วก็ค่อยๆเข้าใจ จนกว่าจะเป็นความรู้ชัดว่า ไม่มีเรา ลักษณะของรูปเป็นอย่างนี้ ลักษณะของนามเป็นอย่างนี้ เป็นการประจักษ์ในลักษณะของนามธรรมและรูปธรรม แต่ต้องเพราะสติเริ่มระลึกจนกว่าจะรู้