คิดต่างจากระลึก


    พระ   เรื่องของการคิดกับปัญญาในการเจริญวิปัสสนาจริงๆ แตกต่างกันอย่างไร

    ท่านอาจารย์ แน่นอนเจ้าค่ะ เพราะว่าคิดอริยสัจ ๔ คิดเท่าไรก็ไม่สามารถรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏได้ เพราะขณะนั้นสติไม่ได้ระลึกลักษณะที่มีจริงๆของสภาพธรรม

    พระ   แต่บุคคลที่ยังไม่ได้ประจักษ์แจ้งในสภาวะของอริยสัจ ๔ บุคคลผู้นั้นเมื่อมีความคิดในเรื่องธรรมของพระพุทธเจ้าถือว่าเป็นปัจจัยแก่สติปัฏฐาน ๔ ได้หรือไม่

    ท่านอาจารย์ คิดมานานแล้ว คิดมาก่อนแล้ว แต่ว่าคิดอย่างไร เป็นปัจจัยให้สติปัฏฐานเกิด

    พระ   คิดตามคำสอน เช่น เพราะเหตุที่มีจักษุ มีรูปารมณ์ เพราะอาศัยทั้ง ๒ อย่างนี้ จักษุวิญญาณจึงเกิดขึ้น เป็นปัจจัยให้เกิดผัสสะ ผัสสะเป็นปัจจัยให้เกิดเวทนาเป็นต้น

    ท่านอาจารย์ ขณะที่กำลังคิดอย่างนี้ จักขุวิญญาณก็ดับไปนับไม่ถ้วนแล้ว

    พระ   ถ้าหากไม่คิด เราก็ไม่รู้จักว่า จักษุวิญญาณคืออะไร

    ท่านอาจารย์ แต่ว่าขณะที่คิด ไม่ใช่ขณะที่ระลึกรู้ลักษณะของสภาพเห็น ตัวจักขุวิญญาณกำลังเห็น เป็นธาตุรู้ คือ เห็นสิ่งที่กำลังปรากฏ จะคิดเรื่องนี้สักเท่าไร แต่ก็ไม่ได้รู้ลักษณะจริงๆของธาตุรู้หรือสภาพรู้ที่กำลังเห็น

    พระ   อยากทราบว่า เพียงแต่รู้สีเท่านั้นหรือ ทางตา

    ท่านอาจารย์ มิได้เจ้าค่ะ ขณะนั้นจักขุวิญญาณกำลังเห็น สีกำลังปรากฏกับจิตที่เป็นจักขุทวารวิถีจิตทั้งหมด และรูปารมณ์ก็มีอายุเพียงแค่ ๑๗ ขณะจิตแล้วก็ดับ

    พระ   ต้องรู้ถึง ๑๗ ขณะจิต

    ท่านอาจารย์ มิได้เลยเจ้าค่ะ นี่เรียนว่าอายุของรูปมีอายุเท่ากับจิตเกิดดับ ๑๗ ขณะ นี่เป็นความรู้ แต่ไม่ใช่การระลึกลักษณะของรูปหรือนาม นี่เป็นการฟังเรื่องของสภาพรู้และรูปธรรม เรื่องของจักขุ เรื่องของผัสสะ ขณะที่ฟังอย่างนี้ เป็นเพียงการฟังเท่านั้น  เป็นสติขั้นฟัง ขณะที่กำลังฟังก็มีสติ กำลังคิดอย่างนั้นก็เป็นสติ แต่ไม่ใช่สติปัฏฐานที่ระลึกลักษณะที่มีจริงๆ ที่กำลังเห็น  ที่กำลังรู้ว่า มีสิ่งที่กำลังปรากฏทางตาเป็นอย่างนี้ หรือว่ารู้แข็ง หรือว่าคิดนึก นั่นเป็นตัวสภาพธรรม ซึ่งถ้าสติไม่ระลึก ก็ไม่มีวันจะรู้ ก็ไปคิดเรื่องราวของสภาพธรรมนั้นเท่านั้น

    พระ   และการประจักษ์ความเป็นอนัตตาในการเห็นนั้นอย่างไร

    ท่านอาจารย์ ถ้าไม่มีสติปัฏฐาน จะไม่มีการประจักษ์แจ้งเลย เพราะฉะนั้นต้องรู้ว่า ขณะไหนหลงลืมสติ ขณะไหนมีสติ

    พระ   สติปัฏฐานจะเกิดขึ้นได้ขณะเห็นตรงนี้

    ท่านอาจารย์ สติปัฏฐานจะเกิดได้ เมื่อมีความเข้าใจเรื่องของสติปัฏฐานอย่างถูกต้อง เพราะฉะนั้นขณะที่ยังไม่มีความรู้ความเข้าใจเรื่องของสติปัฏฐาน อย่าคิดว่า ทำอย่างไรสติปัฏฐานจะเกิด แต่หมายความว่า จะฟังให้เข้าใจเรื่องของสติปัฏฐานมากขึ้น เมื่อเข้าใจเรื่องของสติปัฏฐานมากขึ้น ก็รู้ว่า สติปัฏฐานคืออย่างไร แต่ไม่ใช่ฟังเรื่องสติปัฏฐาน เพื่อจะให้สติปัฏฐานเกิด แต่เพื่อให้เข้าใจความละเอียด ความลึกซึ้งของมรรคมีองค์ ๘ ซึ่งแสดงไว้ว่า เห็นยากว่าเป็นมรรค เป็นหนทาง เพราะเหตุว่าลึกซึ้ง  ต้องมีความเข้าใจเรื่องของสภาพธรรม แล้วสติจึงระลึกได้  ถ้าไม่มีความเข้าใจว่า สภาพธรรมในขณะนี้เป็นเพียงนามธรรมและรูปธรรมจริงๆ สติปัฏฐานก็เกิดไม่ได้


    หมายเลข 8341
    9 ก.ย. 2558