ด้วยความเข้าใจ...ไม่ใช่ท่องจำ
ถาม ที่อาจารย์พูดว่า ขณะที่มีความคิดนึก ถ้าขณะนั้นสติเกิดระลึกรู้ตรงความคิดนึก อันนั้นก็เป็นอารมณ์ของสติได้
ท่านอาจารย์
เพราะฉะนั้นรูปทั้งหมด เฉพาะรูป ๕ รูปนี้เท่านั้นที่เป็นภายใน นี่คือรูปภายใน ความหมายอีกนัยหนึ่ง เพราะเหตุว่าถ้าไม่มีรูป ๕ รูป ไม่มีการรู้อะไรเลยทั้งสิ้น เหมือนต้นไม้ ใบหญ้า เหมือนสิ่งที่ไม่มีชีวิต แข็งเหมือนฟืน หมายความว่าไม่มีการรับรู้ใดๆทั้งสิ้น แต่เมื่อมีรูปเหล่านี้ การเห็นจึงมี และมีการคิดนึก เรื่องสิ่งที่เห็นจึงมี อาศัยทางตา
เพราะฉะนั้นในพระสูตรจะแสดงวิตกที่เกิด และโลภะที่เกิด ฉันทะที่เกิด สืบเนื่องมาจากการเห็นทั้งนั้น ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย พวกนี้เป็นรูปพิเศษในบรรดารูป ๒๘ รูป ด้วยความเข้าใจที่ถูกต้อง ไม่ต้องท่องเลย รู้ว่า ๕ รูปเป็นรูปภายใน เพราะเหตุว่าเกี่ยวเนื่องติดต่อกับจิตโดยตรง เป็นรูปที่จิตอาศัยสำหรับเป็นทางรู้โลกนี้ทางตาว่า สิ่งนี้กำลังปรากฏเป็นอย่างนี้ เพราะอาศัยจักขุปสาท ถ้าคนที่ตาบอด รูปนี้ไม่มี จะไม่รู้เลย สีสันในโลกนี้ วัดพันเตา วัดสวนดอก เป็นอย่างไร ไม่มีทางเลย ถ้าไม่มีจักขุปสาท สีใดๆก็ไม่ปรากฏ
เพราะฉะนั้นในบรรดารูป ๒๘ รูป หรือรูปทั้งหมด รูป ๕ รูปนี้เป็นรูปภายใน
อย่างนี้แล้วจะมีใครลืมไหมคะ รูปอื่นเป็นรูปภายนอก ถ้าจะกล่าวถึงอะไรที่เป็นภายใน ภายนอกโดยปรมัตถธรรม
เพราะฉะนั้นการศึกษาธรรมต้องโดยหลายนัย แต่นัยที่สำคัญที่สุดก็คือว่า ปรมัตถธรรมเป็นสิ่งที่มีจริง นอกจากปรมัตถธรรมแล้วเป็นบัญญัติ ขณะใดที่จิตไม่มีปรมัตถธรรมเป็นอารมณ์ ขณะนั้นมีบัญญัติเป็นอารมณ์
เพราะฉะนั้นเราก็รู้ได้ว่า ปรมัตถธรรมเท่านั้นที่เป็นสิ่งที่มีจริง จะเรียกชื่อ หรือไม่เรียกชื่อ ก็ตามแต่ จะใช้ภาษาอะไรก็ตามแต่ จะรู้หรือไม่รู้ สภาพธรรมที่เป็นปรมัตถธรรมก็มีเหตุปัจจัยเกิดขึ้น ถ้ากำลังเป็นอารมณ์ คือปรากฏแล้วหมดไป
นี่คือสิ่งที่ปัญญาจะต้องอบรมจนกว่าจะประจักษ์แจ้งในทุกขลักษณะของปรมัตถธรรม ของสภาพธรรมที่เป็นอริยสัจที่ ๑