ดับกิเลสเป็นหน้าที่ของปัญญา


    ศุกล ปกติคนส่วนมากก็ไม่เห็นประโยชน์ของการปฏิบัติธรรมเกี่ยวกับสังคหวัตถุ แต่มีความต้องการปฏิบัติธรรมเพื่อดับกิเลสเลย ไม่ว่าจะไปนั่งทำสมาธิ หรือเจริญวิปัสสนาเลย แต่โดยความเป็นจริงแล้ว ถ้ากุศลที่เป็นพื้นฐานในชีวิตประจำวันยังไม่สามารถเกิดขึ้นได้อย่างปกติ การปฏิบัติธรรมที่มีความละเอียด และต้องอาศัยสติสัมปชัญญะ คงเป็นสิ่งที่ยากใช่ไหมครับ

    ท่านอาจารย์ จะมีสักกี่คนที่คิดจะถึงดับกิเลสเวลานี้ ที่จะดับกิเลสคงจะน้อยมาก แต่ตามความเป็นจริงอย่างไรก็ต้องเป็นจริงอย่างนั้น เมื่อยังมีกิเลสมากๆ แล้วยังคิดอยากดับกิเลส ก็เป็นสิ่งที่ไม่เข้าใจธรรมตามความเป็นจริง ใช่ไหมคะ ถ้าเพียงแต่ว่าขอให้เข้าใจธรรม แค่นี้ ยังไม่ต้องไปถึงดับกิเลส เพียงแต่ให้มีโอกาสได้ฟังพระธรรม และให้เข้าใจธรรมยิ่งขึ้น เรื่องดับกิเลสไม่ต้องพูดถึง เพราะเหตุว่าเป็นหน้าที่ของปัญญา ถ้าปัญญาเกิด ปัญญาเจริญขึ้น จะบอกปัญญาว่าอย่าดับกิเลสก็ไม่ได้ เพราะนั่นเป็นหน้าที่ของปัญญา แต่ถ้าปัญญาไม่มี แล้วไปอยากดับกิเลสกัน ไปทำโน่นไปทำนี่ ไปทำนั่น ก็ไม่มีทาง เพราะเหตุว่าปัญญาไม่มี

    เพราะฉะนั้นที่เรามาฟังพระธรรมหรือมาสนทนาธรรม เห็นหน้ากันบ่อยๆ ที่นี่เดือนละครั้ง ก็เพื่อให้เรามีโอกาสพูดถึงธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงตรัสรู้ ทรงแสดง และเราก็จะได้มีความเข้าใจธรรมขึ้น เพราะดิฉันรับรองได้แน่ว่า ไม่มีใครอยากดับกิเลส แต่เพียงเข้าใจขึ้นก็เป็นประโยชน์แล้ว และจากความเข้าใจนี้เองจะค่อยๆ เพิ่มขึ้น แล้วเห็นโทษของกิเลสเมื่อไร เมื่อนั้นก็จะอบรมปัญญาตามระดับขั้นยิ่งขึ้น เพราะว่าบางคนก็ฟังธรรม เรียนพระอภิธรรม เข้าใจเรื่องจิต ถามว่าอยากดับกิเลสไหม ก็ยัง

    นี่แสดงให้เห็นว่า ปัญญามีหลายขั้น และปัญญาแต่ละขั้นก็ต้องอาศัยการศึกษาหรือการฟังธรรมจึงจะเพิ่มขึ้น ไม่มีใครเลยในที่นี่ที่จะรู้ว่า พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้อะไร อย่างไร นอกจากจะศึกษาธรรม เมื่อศึกษาแล้วก็ยังจะต้องอบรมเจริญปัญญาด้วยตนเอง จึงจะสามารถเข้าใจได้ว่า พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเพราะเหตุนี้ ไม่ใช่เพราะเพียงฟังเรื่องจิต เรื่องเจตสิกในครั้งที่ยังเป็นพระโพธิสัตว์ในสมัยพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า กัสสปะ พระองค์เป็นโชติปาลมาณพ ศึกษาธรรมมากมาย นั่นไม่ใช่ แต่ต้องเป็นการที่สามารถตรัสรู้สภาพธรรมในขณะนี้ แล้วต้องอาศัยการศึกษา การฟัง ไม่ใช่เพียงวันนี้วันเดียว วันนี้วันเดียวไม่มีทางพอ ชาตินี้ชาติเดียวก็ยังไม่พอ นี่ถึงจะเป็นผู้เห็นพระปัญญาของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าจริงๆ แต่ถ้าคิดว่าชาตินี้ประเดี๋ยวก็คงจะถึงนิพพาน นั่นคือผู้ที่ไม่เห็น ไม่เข้าใจในพระปัญญาของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า


    หมายเลข 8106
    13 ก.พ. 2567