เพราะเป็นกรรมของเราเอง


    บุษบง   ดิฉันมีความปีติที่ว่า  ณ ที่แห่งนี้ คนส่วนมากก็มักจะมาเกิดที่โรงพยาบาล และเมื่อนึกถึงความแก่ ก็มารับกายบำบัดบ้าง หรือสายตาสั้น นี่แสดงถึงความชรา เจ็บ ก็แน่นอนเข้าโรงพยาบาลเสมอ และส่วนตาย ถ้ารักษาไม่หาย หรือว่าเป็นกรรม ก็ต้องตายที่โรงพยาบาล เพราะฉะนั้นสถานที่นี้น่าจะแสดงธรรมมาก เพราะแสดงให้เห็นถึงสภาวะที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสเอาไว้ เมื่อได้มาฟังธรรมอย่างนี้ ก็รู้สึกกราบขอบพระคุณที่มีการจัดขึ้นที่โรงพยาบาล และการให้ธรรมเป็นทาน ก็เป็นการให้ธรรมอย่างสูงส่ง โดยเฉพาะดิฉันได้มาฟังพระธรรมเพิ่มขึ้น นี่ก็เพราะว่าทางโรงพยาบาลจัดขึ้น ก็ขอกราบขอบพระคุณด้วยค่ะ

    ท่านอาจารย์    ดิฉันก็ขออนุโมทนา ไม่ว่าจะมีการสนทนาธรรมที่ไหน ก็เป็นประโยชน์ที่นั่น และโดยเฉพาะที่คุณบุษบงได้กล่าวถึงเมื่อกี้นี้ โดยเฉพาะเป็นที่โรงพยาบาล มีคนป่วย มีคนแก่ มีคนเจ็บ มีคนตาย เป็นที่ที่เรามองเห็นสัจธรรม ถ้าได้เข้าใจธรรมเพิ่มขึ้นก็เป็นประโยชน์

    คือ ถ้าเราเข้าใจธรรมจริงๆ แล้ว เราจะไม่มีการคิดเรื่องที่จะทำให้เราเกิดความทุกข์ เพราะเรารู้ว่า ทุกอย่างเป็นไปตามเหตุตามปัจจัยทั้งสิ้น ถ้าเราเกิดถูกใครทำร้าย ไม่โกรธแม้แต่คนที่ทำร้ายเรา  เพราะเหตุว่าเป็นกรรมของเรานี่แน่นอนที่สุด ถ้าไม่ใช่กรรมของเราที่จะถูกทำร้าย เขาก็ทำร้ายเราไม่ได้ คงจะได้ทราบว่า มีการยิงผิดตัวบ้าง  นี่ก็แสดงให้เห็นว่า ถ้าไม่เวลาที่กรรมจะให้ผลแล้ว ใครก็ทำอะไรเราไม่ได้ ถ้าถึงเวลาที่กรรมจะให้ผล ไม่ต้องมีใครทำให้เลย เราตกบันไดเองก็ได้ ขับเครื่องบินไป เครื่องบินตกก็ได้ หรือตกภูเขาก็ได้ เป็นโรคภัยไข้เจ็บขึ้นมา แล้วทำไมเราไม่โกรธเวลานั้น แต่เวลาที่เราคิดว่า มีคนอื่นทำร้ายเรา เราโกรธ

    นี่แสดงให้เห็นว่า เรายังไม่เข้าใจเรื่องของกรรมจริงๆ แต่ถ้าเราเข้าใจเรื่องของกรรมว่า ทุกอย่างต้องเกิดขึ้นตามกรรมของเรา เราจะไม่มีความน้อยใจ ไม่มีความเสียใจ ไม่มีความขุ่นใจว่า เพราะคนโน้น หรือเพราะคนนี้ จะไม่มีคำว่า เพราะคนอื่น แต่จะเป็นเพราะกรรมของเราเอง

    เพราะฉะนั้นที่เขาถามกันว่า “ทำไมถึงต้องเป็นเรา”  แต่ทางธรรมจะตอบว่า “เพราะต้องเป็นเรา” เพราะว่าเราทำเหตุ เพราะฉะนั้นเมื่อถึงคราวต้องได้รับผล ก็ต้องเกิดผล ซึ่งเมื่อเราทำมาแล้ว ก็ต้องเป็นเราที่จะได้รับ จะให้เป็นคนอื่นได้รับได้อย่างไร แล้วเราจะไม่ขุ่นเคืองคนอื่น เพราะจริงๆแล้ว ไม่ใช่เพราะเขา แต่เป็นเพราะกรรมของเราจริงๆ

    เพราะฉะนั้นเราทุกคนในขณะนี้ที่ยังสุขสบาย ไม่เดือดร้อน เพราะกุศลกรรมที่ได้ทำแล้ว แต่เราจะเป็นผู้ไม่ประมาท เพราะเหตุว่าเราก็ได้เคยทำอกุศลกรรมมาแล้วมาก ในชาติก่อนๆนั้นก็พร้อมที่จะให้ผลได้ แม้แต่พระชาติสุดท้ายที่ได้ตรัสรู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว อดีตกรรมก็ยังให้ผล พระผู้มีพระภาคเองก็ทรงประชวร ถูกท่านพระเทวทัตกลิ้งหินถูกพระบาท ห้อพระโลหิต

    นี่ก็แสดงให้เห็นว่า ทุกคนหนีกรรมไม่พ้น ยิ่งเห็นกรรม แล้วก็รู้ว่า คนอื่นทำร้ายเราไม่ได้เลย นอกจากกรรมที่ได้ทำมาแล้วให้ผล เราก็ยิ่งเป็นผู้ที่ไม่ประมาท แล้วก็จะเป็นผู้กระทำกรรมดีเพิ่มขึ้น ซึ่งจะไม่เดือดร้อนกับใครเลย เมื่อเป็นกรรมดี ดีทั้งกับตนเองและกับคนอื่นด้วย

    ผู้ที่มั่นคงในพระพุทธศาสนา เป็นผู้เชื่อเรื่องกรรม เพราะฉะนั้นก็ตัดเรื่องมงคลตื่นข่าวไปได้ทั้งหมด บางคนก็บอกว่า ถ้าเห็นดอกประดู่บานวันแรก และเอามาทัดหู ก็จะโชคดี พอคนอื่นทำตามก็ขับรถชนเลยก็ได้ เพราะฉะนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับดอกไม้ หรือชื่อของดอกไม้ หรืออะไรเลยทั้งสิ้น แต่ขึ้นกับสภาพของจิตและการกระทำทางกาย ทางวาจา


    หมายเลข 8064
    6 ก.ย. 2558