ต้องฟังธรรมอีกนานแค่ไหน
ศุกล ท่านอาจารย์ได้เน้นถึงเรื่องควรฟังพระธรรม ก็มีผู้สงสัยว่า แล้วจะฟังไปนานสักเท่าไร เพราะว่าคงจะมีอีกหลายท่านสงสัยเรื่องการปฏิบัติว่า ถ้าไม่เข้าใจแล้ว ไม่ควรปฏิบัติ ก็ควรมีการเริ่มต้นฟังพระธรรมให้เกิดความรู้ความเข้าใจมากๆ อยากจะขอให้ท่านอาจารย์ช่วยอธิบายว่า การฟังพระธรรมจะฟังไปนานสักเท่าไร หรือพอที่ผู้ฟังจะพิจารณาว่า เป็นเหตุเป็นปัจจัยทำให้มีการระลึกได้ เพื่อที่เป็นการปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม
ท่านอาจารย์
ศุกล ผมขออนุญาตตอบอย่างนี้เลยครับ เพราะว่าตามปกติชีวิตประจำวัน ประโยชน์คือจะต้องให้ความสะดวกสบายต่อชีวิตต่อร่างกาย
ท่านอาจารย์
ศุกล จะตอบว่าพอไม่ได้ครับ
ท่านอาจารย์
ศุกล ทีนี้มีความคิดอย่างนี้ว่า ตามปกติแล้วการปฏิบัติก็ควรจะมีการเริ่มต้น ถ้ายังไม่เริ่มต้นปฏิบัติ อาจจะตายไปก่อนโดยที่ไม่ได้ปฏิบัติธรรม อันนี้เป็นความคิดที่เคยได้ยินได้ฟัง ไม่ทราบว่าจะมีคำแนะนำว่าอย่างไร
ท่านอาจารย์
ศุกล ท่านอาจารย์กล่าวว่า โลภะก็เป็นกิเลส โทสะก็เป็นกิเลส โมหะก็เป็นกิเลส แต่พอเป็นโลภะแล้ว รู้สึกว่าไม่เป็นความเดือดร้อนของใครทั้งสิ้น เช่น มีความต้องการอยากได้ แล้วก็ไปจัดหาซื้อมาได้ด้วยความสามารถ ก็ทำให้เห็นว่า แม้จะเป็นโลภะ เป็นกิเลส ก็ไม่ทำให้เกิดความเดือดร้อนต่อตัวเองและผู้อื่น แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนทุกข์เดือดร้อนมากคือโทสะ เวลาที่เกิดความโกรธ ความไม่พอใจ จนกระทั่งบางครั้งมีความรุนแรงมากๆ แล้วแสดงออกมา แล้วมารู้สึกตัวทีหลังว่า เป็นสิ่งที่ไม่สมควร ก็เลยเกิดความเดือดร้อน ทีนี้ถ้าในทางปฏิบัติที่จะเป็นประโยชน์ในชีวิตประจำวัน เมื่อสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น เราควรแก้ไขอย่างไรครับ เช่นลักษณะของโทสะ คือ ความเดือดร้อน
ท่านอาจารย์
เพราะฉะนั้นก็ควรเป็นผู้คิดจะดับกิเลส ไม่ใช่เพียงแต่ไม่ให้โลภะเกิด ไม่ให้โทสะเกิด เพราะว่าเป็นเพียงชั่วคราวเท่านั้น
ศุกล ก็เคยคุยกับท่านที่มีความเดือดร้อน เขาบอกว่า เวลานี้พอจะแก้ปัญหานี้ได้ เวลาที่เกิดความโกรธ ความไม่พอใจ ก็เข้าห้องพระ แล้วไปนั่งกำหนด พุทโธ พุทโธ เพื่อให้นึกถึงพระพุทธเจ้า อย่างนี้ก็ทำให้จิตใจสบาย ก็เลยคิดว่า การปฏิบัติอย่างนี้ช่วยให้ความโกรธนั้นลดน้อยลงไป อันนี้ก็เป็นวิธีการอย่างหนึ่ง
ท่านอาจารย์
ศุกล พอโกรธอีกก็มาเข้าห้องพระปฏิบัติอีก
ท่านอาจารย์
ศุกล และคำแนะนำที่จะให้เป็นประโยชน์และถูกต้องจริงๆนั้น คืออย่างไรครับ
ท่านอาจารย์