ต้องเป็นกุศลของคนนั้นเอง


    คือระหว่างที่ยังมีชีวิต เราก็ยังไม่รู้เลยว่า เรารับผลของกรรมตอนไหน แต่ถ้าเราศึกษาธรรม เราจะทราบได้ว่า เราได้รับผลของกรรมตอนเกิด เราเลือกไม่ได้ว่า เราจะเกิดที่ไหน แล้วแต่กรรม จะทำให้เกิดเป็นหญิง หรือจะทำให้เกิดเป็นชาย จะทำให้มีบิดามารดาครอบครัวสุกลพี่น้องเพื่อนฝูงอย่างไร นี่คือกรรมทำให้เกิด และระหว่างที่มีชีวิตอยู่ เราไม่รู้เลยว่า ขณะนี้เรารับผลของกรรมทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย  กรรมสร้างทางของกรรมให้เรารับผล คือ เห็น ขณะที่เห็นสิ่งที่สวยๆงามๆ เป็นผลของกุศล ขณะที่ได้ยินเสียงที่น่าฟัง เป็นผลของกุศล ขณะที่ได้กลิ่นหอม กลิ่นดีๆ เป็นผลของกุศล ขณะที่ลิ้มรสอร่อยเป็นผลของกุศล ขณะที่กระทบสัมผัสสิ่งที่สบาย เป็นผลของกุศล

    เพราะฉะนั้นเราไม่ได้รู้เลยว่า กรรมทำให้เกิด และกรรมก็ทำให้มีจักขุปสาท โสตปสาทซึ่งเหมือนกับมีมาเอง ความจริงไม่ใช่มีมาเอง กรรมทำให้รูปนี้เกิดขึ้น เพราะที่ตัวของเรา มีรูปที่เกิดจากกรรมก็มี รูปที่เกิดจากจิตก็มี รูปที่เกิดจากอุตุ ความเย็นความร้อน อุณหภูมิต่างๆในร่างกายก็มี รูปที่เกิดจากอาหารที่เรารับประทาน อาหารบางชนิดก็ให้โทษ บางชนิดก็เป็นประโยชน์

    เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ว่า ภพภูมิที่เกิดมีต่างกัน และภูมิที่สามารถจะรู้และอนุโมทนาได้ เขาก็อนุโมทนา แต่ให้รู้ว่า เขาก็เหมือนเรา ถ้าเป็นมนุษย์แล้วไม่อนุโมทนา คนที่ตายไปก็ไม่แน่เสมอไปว่า เขาจะอนุโมทนาในกุศลที่เราทำ แต่ถ้าเราเป็นคนที่อนุโมทนาเสมอในกุศลที่คนอื่นทำ พอเราได้ยินว่า ใครทำกุศล เราก็อนุโมทนา ถึงเราจะไปเกิดที่ไหน เราก็อนุโมทนา ขณะอนุโมทนาก็เป็นกุศลจิตของเรา ไม่ใช่แบบไปรษณีย์ที่ส่งของไปให้ ต้องเป็นกุศลของคนนั้นเอง


    หมายเลข 7983
    6 ก.ย. 2558