ให้คือให้


    สำหรับเรื่องการให้ ก็คงจะไม่มีข้อสงสัยว่า ให้โดยที่ไม่หวังผล ถ้าให้แล้วหวังจะเกิดในสวรรค์บ่อยๆ บางคนก็หวังว่าให้แล้วจะถูกล็อตเตอรี คือ มีแต่ความหวัง เพราะฉะนั้นเป็นเรื่องของโลภะ ไม่ใช่เป็นเรื่องของการให้จริงๆ

    เพราะฉะนั้นเราต้องเป็นคนตรงต่อตัวเอง และตรงต่อธรรม ถ้าให้ก็คือให้ ให้แล้วไม่ต้องไปหวังอะไรที่เป็นการตอบแทนทั้งหมด นั่นจึงจะเป็นการให้จริงๆ แล้วเราก็สบายใจด้วย

    ถ้าเราให้ แต่เราหวัง แล้วไม่ได้อย่างที่หวัง เราก็ไม่สบายใจแล้วใช่ไหมคะ ให้ ให้เขากลัวเกรงเรา ให้เขารักเรา ให้เขาปรนนิบัติเรา แต่ถ้าเขาไม่ปรนนิบัติเรา ไม่กลัวเกรงเรา เราก็โกรธขึ้นมาอีก

    เพราะฉะนั้นขณะนั้นก็ไม่ใช่บุญ ขณะนั้นใดที่เป็นอกุศล ขณะนั้นไม่ใช่บุญ ถ้าเป็นจิตที่ผ่องใส ผลของกุศลก็มีมาก

    มีคนที่ฟังธรรมแล้วก็ปนกัน คือ พระผู้มีพระภาคทรงแสดงเรื่องเหตุ และผลว่า ขณะใดที่จิตใจผ่องใส แม้แต่การให้ ให้ด้วยความนอบน้อม ไม่ใช่ให้แบบรังเกียจ หรือให้แบบเป็นผู้ให้ เพราะว่าบางคนเวลาให้มีความสำคัญตนว่า เราเป็นผู้ให้ เพราะฉะนั้นคนนั้นจะต้องถือว่า เราเป็นผู้ให้เขา เหมือนกับมีบุญคุณต่อกัน ขณะนั้นก็ไม่ใช่การให้ที่ถูกต้อง

    เพราะฉะนั้นถ้าจิตผ่องใสปราศจากอกุศล มีผลมาก มีผลมากตั้งแต่เริ่มให้ เพราะว่าเป็นจิตที่ผ่องใส


    หมายเลข 7978
    31 ม.ค. 2567