ผู้ที่ยังมีกิเลสมาก ก็จะต้องอบรมปัยญาเพื่อละคลายกิเลส


    เพราะฉะนั้นการที่จะได้เข้าใจสภาพธรรมตามความเป็นจริง ก็จะต้องรู้ด้วยว่า ผู้ที่ยังมีกิเลสมาก ก็จะต้องอบรมเจริญปัญญาที่จะขัดเกลาละคลายกิเลส แล้วตั้งแต่เกิดมาจะทำอย่างไร สำหรับผู้ที่มีบุตรหลาน ญาติมิตรสหาย ซึ่งมีผู้ที่เกิดใหม่มา ก็รู้ทันทีว่า ผู้ที่เกิดมานั้นเต็มไปด้วยกิเลส 

    เพราะฉะนั้นจึงต้องมีการอบรมกาย วาจา ตั้งแต่วัยเด็ก โดยผู้ที่เป็นมารดา บิดา ญาติ มิตรสหาย หรือครูอาจารย์ ที่จะให้เห็นประโยชน์ของการอบรมธรรมที่จะให้เป็นฝ่ายกุศลเกิดขึ้น ทางกายบ้าง ทางวาจาบ้าง โดยมารยาท ซึ่งเป็นการกระทำทางกาย ทางวาจา อบรมให้เป็นผู้ที่รู้จักเคารพนอบน้อม ให้เป็นผู้ที่มีเมตตากรุณา มีความกตัญญู มีการช่วยเหลือบุคคลอื่น มีการบำเพ็ญประโยชน์ต่อบุคคลอื่น ซึ่งทุกท่านก็จะเห็นได้ว่า ตั้งแต่เด็กมา แต่ละบุคคลก็มีพื้นของจิตใจที่จะรับฟังคำสอน คำอบรมในทางที่ดีงาม ในทางที่เป็นกุศล หรือว่าถ้าไม่มีบุคคลใดที่จะกล่าวสอน ท่านก็อาจจะมีจิตใจที่เป็นพื้นสะสมมาที่จะพิจารณาเห็นว่า ธรรมฝ่ายใดเป็นสิ่งที่ควรกระทำ สิ่งใดที่เป็นอกุศล ควรละเว้น โดยอัธยาศัยของท่านเอง นี่ตั้งแต่เด็ก แต่ว่าในระหว่างนั้น ก็ไม่มีใครที่จะพ้นจากโลภะหรือตัณหาได้ แต่อวิชชานั้นเองเป็นปัจจัยให้เกิดสังขารที่เป็นทั้งกุศลและอกุศล

    เพราะฉะนั้นแม้ว่ายังไม่ได้ดับอวิชชา ยังมีตัณหา แต่ก็ยังมีพื้นของจิตใจที่จะให้เกิดกุศลกรรมด้วย ไม่ใช่มีแต่อกุศลกรรมเท่านั้น และเมื่อเจริญเติบโตขึ้น ก็ไม่ใช่ว่า ตัณหาจะหมดไปตามวัย แต่ว่าตราบใดที่ยังไม่ได้อบรมเจริญธรรมที่จะขัดเกลาอกุศล อกุศลทั้งหลายก็ยังมีอยู่เต็ม

    เพราะฉะนั้นในชีวิตการงานของแต่ละบุคคล ซึ่งทุกท่านก็จะพิจารณาได้ว่า ระหว่างที่มีชีวิตตั้งแต่วัยเด็กจนกระทั่งถึงวัยที่ประกอบกิจการงาน อกุศลของท่านมีมากติดตามมา หรือว่ากุศลที่เป็นพื้นของจิตสามารถที่จะเกิดประคับประคองให้กิจการงานของท่านดำเนินไปพร้อมด้วยกุศลจิตได้ ไม่ว่าจะเป็นอาชีพใด ๆ ทั้งสิ้น ย่อมเจริญกุศลได้ทั้งนั้น แต่ว่าทุกท่านจะต้องพิจารณาว่า ท่านมีกุศลเกิดด้วย หรือมีแต่อกุศล ในขณะที่ประกอบกิจการงาน

    ทุกท่านต้องมีผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชา มีการเอาใจใส่ดูแลทุกข์สุขช่วยเหลือผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชา หรือว่ามิตรสหายหรือเปล่า หรือว่าถ้าเป็นข้าราชการ ก็มีการช่วยเหลือผู้ที่มาติดต่อด้วยดี ให้ความสะดวกกับบุคคลอื่นหรือเปล่า

    ซึ่งนี่เป็นชีวิตจริง ๆ ไม่ว่าจะประกอบกิจการใด ถ้าเป็นผู้ที่มีจิตใจสะสมในทางกุศล กุศลสามารถจะเกิดได้มาก ไม่ใช่ว่าเมื่อเป็นผู้ที่มีตัณหา แล้วจะไม่สามารถทำกุศลกรรมได้เลย แต่ว่าทั้ง ๆ ที่ตัณหาก็ยังมี อวิชชาก็ยังมี ก็ยังมีการสะสมพื้นฐานของจิต ที่จะทำให้กุศลจิตเกิด

    ชีวิตประจำวันของแต่ละท่านจริง ๆ ยังมีอวิชชา ยังมีตัณหา แต่ก็ยังมีกุศลเกิดได้มากหรือน้อย แล้วแต่การเห็นประโยชน์ของกุศลธรรม

     


    หมายเลข 6998
    24 ส.ค. 2558