และคราวก่อนได้เรียนให้ท่านผู้ฟังได้ทราบถึงความหนาแน่น ความเหนียว แน่นของกิเลส ซึ่งมีมากและก็เกิดอยู่เป็นประจำว่า ถ้าท่านไม่รู้ความหนาแน่น ไม่รู้ความเหนียวแน่นของกิเลส ท่านก็คิดว่ามีวิธีลัด หรือมีวิธีย่อที่จะข้ามไป ไม่ระลึก ไม่รู้ก็คงจะได้ แต่ถ้าท่านเห็นความหนาแน่น เห็นความเหนียวแน่น ของกิเลสและกิเลสก็ไม่ได้อยู่ที่อื่น อยู่ที่จิตแต่ละขณะ แต่ละวันนั่นเอง อย่าง สราคจิต โลภมูลจิตก็เกิดอยู่เป็นประจำ เป็นกามาสวะ ความยินดีพอใจในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ แล้วก็ยังเป็นไปกับความเห็นผิด เพราะเหตุว่า ขณะที่จิตเกิดขึ้นดวงหนึ่งๆนั้น จะต้องมีเจตสิกเกิดร่วมด้วย เพราะเหตุว่า สภาพของสังขารธรรมแล้วที่จะเกิดขึ้นโดยลำพังอย่างเดียว ไม่มี ไม่ว่าจะ เป็นนามธรรม ก็ต้องมีนามธรรมอื่นเกิดร่วมด้วย ที่เป็นรูปธรรมก็มีรูปธรรมอื่น เกิดร่วมด้วย
เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ว่า สภาพของจิตใจก็ย่อมแล้วแต่สภาพธรรม คือ เจตสิกซึ่งเกิดร่วมด้วย ทั้งๆที่เจตสิกธรรมก็มีแต่เพียง ๑๔ ประเภท แต่มี กิจการงานที่สะสมหมักดองทำให้เกิดบ่อย และจัดไว้เป็นประเภทๆ ซึ่งถ้าท่าน ผู้ฟังจะศึกษาต่อไปก็จะเห็นว่า ถ้าขณะใดที่ท่านหลงลืมสติ ขณะนั้นเป็นเรื่อง ของอกุศลธรรมประเภทใดบ้าง