จิตล่องลอยไม่ได้ แต่จิตทำอิทธิปาฏิหารย์ได้


    ผู้ฟัง วิญญาณล่องลอยไม่ได้ แต่ทำไมวิญญาณหรือจิตของยักษ์จึงมาอยู่ที่สานุสามเณร

    ท่านอาจารย์ ไม่ได้อยู่ ใช้คำว่าสิงไม่ได้หมายความว่าอยู่ ไม่ได้หมายความว่าเข้าไปอยู่เลย เข้าไปไม่ได้

    ผู้ฟัง แล้วคำว่า “สิง” หมายความว่าอย่างไร หรือว่ามาแสดงอิทธิพลยังไง

    ท่านอาจารย์ ขอย้อนไปถึงสมัยพุทธกาล ถ้ามีอิทธิปาฏิหารย์เกิดขึ้น ใครทำ จิตที่มีพลังที่สามารถจะทำได้ขั้นหนึ่ง ทีนี้คนยุคนี้ทำอะไรได้บ้างไหม ที่ดูเหมือนปาฏิหารย์ หรืออิทธิ เดินใกล้ๆ ประตู ไม่ต้องเปิดประตู ประตูก็เปิดเอง

    ผู้ฟัง เพราะนั่นมีเครื่องเปิด

    ท่านอาจารย์ นี่แสดงถึงจิตที่ไม่ถึงระดับของผู้ที่มีความสงบขั้นฌาณ ยังทำได้อย่างนี้ เพราะฉะนั้นให้เห็นพลังของจิต หรือกำลังของจิต หรือสมาธิขั้นต่างๆ ก็สามารถที่จะทำให้เกิดรูปได้ตามกำลังระดับต่างๆ ไม่ใช่คนที่ไม่ใช่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าจะไปแสดงอิทธิปาฏิหารย์อย่างพระองค์ได้ แสดงได้ก็มีเหมือนกันที่พอคนอื่นจะทำได้แต่ก็ไม่เท่า จะเห็นได้ว่าจิตเป็นใหญ่เป็นประธานจริงๆ เพราะฉะนั้นถ้ามีจิตระดับหนึ่งซึ่งสามารถจะทำให้รูปเกิดขึ้นได้ โดยจิตของยักษ์ต้องเกิดที่รูปของยักษ์ จะออกไปนอกรูปไม่ได้เลย จิตของสานุสามเณรก็ต้องเกิดที่รูปของสานุสามเณร แต่คนที่นอนหลับ เราซึ่งไม่มีอิทธิปาฏิหารย์ ไม่มีกำลังของสมาธิจะไปจับรูปนั้นให้บิด ยกมือ ยกเท้า เราทำได้ไหม หากคนนั้นกำลังนอนหลับ ลองสิ เดี๋ยวนี้ลองก็ได้ คนไหนนั่งเฉยๆ ลองไปจับมือให้ชูขึ้นได้ไหม

    ผู้ฟัง ถ้าเราไปจับมือก็ชูขึ้นได้

    ท่านอาจารย์ ใช่ เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ว่า คนที่นอนหลับสนิท หากมีผู้ที่ไปจับทำให้แขนขาเขางอเกร็ง สั่นหรืออะไรแล้วแต่ก็ทำได้ แต่ถ้าคนนั้นมีพลังจิตซึ่งไม่ต้องใช้มือ เหมือนเราเดินไปที่ประตู ไม่ต้องเปิดประตูแต่ประตูก็เปิดได้ แต่นั่นเป็นระดับของจิตที่ไม่สงบเลย ไม่ได้รู้เรื่องของธรรมเลย เพียงแต่เข้าใจเรื่องวิชาการทางโลก ก็สามารถจะกระทำสิ่งซึ่งคนไม่รู้เลยอาจจะเห็นว่าเป็นอิทธิปาฏิหารย์ เช่น คนที่ไม่เคยเห็นไฟ ถ้ามีไม้ขีดไฟไปขีดไฟ เขาก็ตกใจแล้ว ทำไฟขึ้นมาได้อย่างไร นั่นก็แสดงให้เห็นถึงทุกอย่างที่จะเกิดขึ้นต้องมีเหตุปัจจัย เพียงแต่ว่าเราสามารถที่จะรู้ หรือสามารถที่จะเข้าใจได้ระดับไหน แต่ที่เราสามารถจะเข้าใจได้ก็คือตามพระธรรมที่ทรงแสดงให้เราค่อยๆ พิจารณา ค่อยๆ พิสูจน์ว่าเป็นความจริงอย่างนั้นหรือไม่ เช่น จิตเป็นธาตุรู้ เป็นสภาพรู้ เกิดเมื่อมีเหตุปัจจัย เมื่อทำกิจของจิตนั้นแล้วดับไปทันทีเร็วมาก เราก็จะค่อยๆ ศึกษา ค่อยๆ เห็นความต่างของจิตขณะที่หลับสนิท จิตขณะที่เห็น จิตขณะที่เป็นกุศล อกุศล จิตที่ทำกุศลกรรม อกุศลกรรม ต่างๆ เหล่านี้ ก็จะค่อยๆ เข้าใจขึ้น

    ที่มา ...

    พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 63


    หมายเลข 6750
    22 ม.ค. 2567