จิตของสาณุสามเณร


    ผู้ฟัง ได้ฟังเรื่อง สานุสามเณรถูกยักษ์เข้าสิง ท่านอาจารย์ได้บอกว่าขณะนั้นสานุสามเณรมีจิตอ่อนมาก หมายความว่าจิตของสานุสามเณรก็ยังอยู่ แต่มีจิตของยักษ์มาข่ม จิตของสานุสามเณรไม่ได้ไปไหนเลยใช่ไหม

    ท่านอาจารย์ เพราะว่าอาการที่ปรากฏ คือ เกิดดับสืบต่อตามปัจจัยซึ่งเป็นอนันตรปัจจัย เพราะไม่ใช่จุติจิตของพระอรหันต์ เมื่อจิตขณะใดดับไปต้องมีจิตขณะต่อไปเกิดสืบต่อ

    ผู้ฟัง ก็แสดงว่าจิตของสานุสามเณรก็ยังอยู่ที่รูป

    ท่านอาจารย์ ใช่ จิตหายไปไม่ได้ มีปัจจัยที่จะต้องเกิดดับสืบต่ออยู่เรื่อยๆ

    ผู้ฟัง จิตที่มาข่มมาอาศัยรูปของสานุสามเณรใช่ไหม

    ท่านอาจารย์ สานุสามเณรไม่รู้สึกตัวเลยใช่ไหม แต่อาการที่คนอื่นเห็น ก็เป็นอาการที่จิตอื่นสามารถจะเป็นปัจจัยให้เกิดรูปนั้นๆ ได้

    อ.วิชัย สานุสามเณรคงจะสลบ คือ ไม่รู้สึกตัว จึงมีจิตบุคคลอื่นซึ่งสามารถเป็นปัจจัยให้แสดงกิริยาอาการอย่างนั้นได้

    ท่านอาจารย์ จิตของสามเณรนั้นจะต้องมีอยู่แน่นอน แต่จะเห็นได้ว่ากำลังของจิตสามารถที่จะทำให้รูปเกิดขึ้นได้ เช่น เราเดินไปที่ประตูโดยไม่ต้องใช้มือเปิดเลย ประตูนั้นก็ยังเปิดได้ นี่แสดงให้เห็นว่า สมัยนี้เราก็ยังเห็นสิ่งซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่ใช่ด้วยกำลังของจิตด้วยซ้ำไป เพียงแต่ว่าผู้ที่สามารถจะทำสิ่งซึ่งเห็นแล้วดูเป็นสิ่งที่ไม่น่าจะทำได้ เช่น ประตูเปิดเอง ปิดเองนี้ ก็ยังเป็นจิตของผู้ที่มีกิเลสไม่ใช่เป็นผู้ที่มีความเข้าใจในเรื่องของธรรมเลยก็ยังสามารถกระทำสิ่งต่างๆ เหล่านี้ได้

    ดังนั้น หากเป็นผู้ที่มีพลังจิตก็สามารถที่จะทำให้รูปเกิดได้ และพลังของจิตก็ตามกำลังสภาพของจิตด้วย ถ้าเป็นสภาพของจิตที่มั่นคงสงบถึงระดับของฌาณจิต ถึงขั้นรูปฌาณ อรูปฌาณ และยังสามารถที่จะมีวสี ความแคล่วคล่อง สามารถที่จะกระทำอิทธิปาฏิหารย์ต่างๆ ได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่มีจริงแต่ต้องมีเหตุที่สมควรไม่ใช่ว่าไม่มีความสงบของจิตแล้วจะสามารถที่จะไปทำอย่างนั้นได้ กำลังของสมาธิต้องมีพอสมควร แต่ยังไม่ใช่สัมมาสมาธิถ้ายังไม่เกิดกับกุศลจิต เพราะฉะนั้น จะเห็นได้ว่าสมาธิสามารถจะกระทำให้เกิดรูปต่างๆ ได้ แต่จะไปทำให้จิตนั้นเปลี่ยนแปลงก็เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้

    ที่มา ...

    พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 63


    หมายเลข 6749
    22 ม.ค. 2567