รูปซึ่งรวมกันอยู่ แท้จริงแล้วแยกจากกัน ไม่ระคนกัน


    ขอกล่าวถึงข้อความในอัฏฐสาลินี   รูปกัณฑ์   ซึ่งอุปมารูปซึ่งรวมกันอยู่   แต่ว่าตามความเป็นจริงแล้ว  แยกออกเป็นแต่ละรูป   แต่ละกลาป   แต่ละกลุ่ม   ซึ่งมีข้อความว่า

    ข้ออุปมาอุปาทายรูป  (คือรูปซึ่งไม่ใช่มหาภูตรูป)   ไม่ระคนกันอีกนัยหนึ่ง   อีกประการหนึ่ง   พึงทราบแม้ข้ออุปมาในภาวะที่อุปาทายรูปเหล่านี้ไม่ระคนกัน   ดังต่อไปนี้

    เหมือนอย่างว่า   ธง ๕ สีที่เขายกขึ้นไว้   เงาย่อมเป็นเหมือนเนื่องเป็นอันเดียวกันก็จริง   แต่เงาของธงผืนนั้นก็ไม่ระคนกันเลย   ฉันใด   และเมื่อเขาเอาฝ้าย ๕ สี  ขวั้นเป็นไส้ตามประทีปไว้   เปลวย่อมเป็นเหมือนเนื่องเป็นอันเดียวกันก็จริง   แต่เปลวแห่งแสงของฝ้ายนั้น ๆ   ต่างก็เป็นเฉพาะละอย่าง ๆ   ไม่ระคนกันเลย   ฉันใด   อายตนะทั้ง ๕ นี้   ก็เปรียบได้เหมือนฉันนั้น   แม้จะรวมอยู่ในอัตภาพเดียวกันก็จริง   แต่ก็ไม่ระคนกันและกันเลย

    อย่าลืม   อายตนะ ๕  คือตา  หู  จมูก   ลิ้น  กาย   หรือจักขุปสาทรูป   โสตปสาทรูป   ฆานปสาทรูป   ชิวหาปสาทรูป   กายปสาทรูปนั่นเอง   

    อายตนะทั้ง ๕ นี้   ก็เปรียบได้เหมือนกันฉันนั้น   แม้จะรวมอยู่ในอัตภาพเดียวกันก็จริง   แต่ก็ไม่ระคนกันและกันเลย

    คือไม่สามารถที่จะรวมกันเป็นอันเดียวกัน   แม้ว่าจะรวมอยู่ในอัตภาพอันเดียวกันก็ตาม   จักขุปสาท   ไม่ใช่โสตปสาท   ชิวหาปสาท   ฆานปสาท   กายปสาท   แต่ละอายตนะก็เป็นแต่ละรูป   แต่ละอย่าง   

    แม้รูปที่เหลือ   คือ นอกจากอายตนะทั้ง ๕   ก็ไม่ระคนกัน   เหมือนกัน

    สำหรับ  “วัตถุปุเรชาตปัจจัย”   หมายเฉพาะ  กัมมชรูป ๖ รูป   ซึ่งเป็นที่อาศัยเกิดของจิต   แต่  “อารัมมณปุเรชาตปัจจัย”   หมายความถึงรูปซึ่งเป็นอารมณ์   ซึ่งที่จะปรากฏได้ก็ต้องเกิดก่อนนามธรรมซึ่งรู้รูปนั้น

    มีข้อสงสัยอะไรไหม   ในเรื่องนี้


    หมายเลข 5329
    27 ส.ค. 2558