วิชาการต่างๆ เป็นการรู้เพียงอรรถบัญญัติ


    วิชาการทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นวิทยาศาสตร์การแพทย์   หรือวิทยาศาสตร์สาขาใด ๆ   ก็เป็นเพียงการรู้อรรถบัญญัติของรูป   แต่ไม่ใช่การรู้ลักษณะของรูปตามความเป็นจริง

    ในพระไตรปิฎกก็มีเรื่องปอด   หัวใจ  ตับ   ม้าม  เลือด   แต่ว่าลักษณะที่แท้จริง   คือ รูปที่ปรากฏแต่ละทาง   รูปที่ปรากฏทางตา   ก็เป็นสิ่งที่สามารถจะปรากฏเป็นสีสันวัณณะต่าง ๆ ได้   รูปที่ปรากฏทางหูก็เป็นเสียงต่าง ๆ   รูปที่ปรากฏทางจมูกก็เป็นกลิ่น   รูปที่ปรากฏทางลิ้นก็เป็นรส   รูปที่ปรากฏทางกายก็เป็นเย็น  ร้อน  อ่อน  แข็ง  ตึง   ไหว

    เพราะฉะนั้นใครรู้การเต้นของหัวใจ   ถ้าขณะนั้นนึกถึงเรื่องการสูบฉีดโลหิตของหัวใจ   หรือว่าการเต้นของชีพจร   ในขณะนั้นก็เป็นผู้ที่รู้เรื่องอรรถบัญญัติของรูป   แต่ว่าขณะใดที่ผู้ใดรู้ลักษณะที่เย็น  ร้อน  อ่อน  แข็ง  ตึง   ไหวของรูปที่ปรากฏที่กาย   ในขณะนั้นคือผู้นั้นเป็นผู้ที่เจริญสติปัฏฐานที่จะรู้ว่า   สภาพลักษณะแท้จริงของรูปที่ปรากฏที่กาย   ก็มีเพียงลักษณะที่เย็น   หรือร้อน   อ่อนหรือแข็ง   ตึงหรือไหว   ซึ่งอรรถบัญญัติก็อาจจะเป็นส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้   เป็นสิ่งต่าง ๆที่ปรากฏ   เป็นอาหาร   หรือวัตถุสิ่งต่าง ๆ ได้  แต่ว่าลักษณะของรูปทุกรูปที่ปรากฏที่กาย   ก็คือ  เย็นหรือร้อน  อ่อนหรือแข็ง   ตึงหรือไหว

    เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ว่า   รูปทั้งหมด   เวลาที่เป็นปกตูปนิสสยปัจจัยแล้ว   พระผู้มีพระภาคทรงแสดงเรื่องของร่างกายว่า เป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้รูปนั้นเป็นปัจจัยให้นามธรรมเกิดเป็นสุขหรือเป็นทุกข์ทางกาย   ซึ่งทุกท่านก็จะเห็นได้ว่าเป็นส่วนที่สำคัญจริง ๆ   แต่ถ้าเป็นอรรถบัญญัติแล้ว   ก็คิดถึงอาหารต่าง ๆ   บุคคลต่าง  ๆ   หรือเสนาสนะต่าง ๆ เป็นปกตูปนิสสยปัจจัย


    หมายเลข 5317
    28 ส.ค. 2558