สัญญาขันธ์ได้แก่สัญญาเจตสิก


    นอกจากเวทนาเจตสิกแล้ว ก็คือสัญญาเจตสิก เป็นสภาพที่จำ แล้วแต่ว่าขณะนั้นจะเกิดกับจิตอะไร

    นี่คือสภาพธรรมที่ตัวเราทั้งหมดเลย ปกติ เรารู้ลักษณะของสภาพธรรมที่ปรากฏ หรือไม่ ไม่ แต่ว่าสัญญาเกิดแล้ว จำแล้วในสิ่งที่ปรากฏโดยคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง เพราะไม่รู้ว่าความจริงในขณะนี้เป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏ แล้วก็ดับ เพราะฉะนั้นเมื่อไม่ได้เข้าใจถูกต้องตามความเป็นจริง ก็มีสัญญาความทรงจำในสภาพธรรมซึ่งเกิดดับอย่างเร็วมาก เหมือนไม่ดับเลย เช่น ในขณะนี้ สภาพธรรมกำลังเกิดดับเร็วมากเหมือนไม่ดับ เป็นคุณจำนงตั้งแต่เห็นจนเดี๋ยวนี้ก็ยังไม่ดับเลย เพราะความเกิดดับของสภาพธรรมไม่ว่าจะเป็นนามธรรม หรือรูปธรรมนั้น รวดเร็วมาก เพราะฉะนั้นสัญญาก็จำผิด คือจำการเกิดดับสืบต่ออย่างเร็วจนไม่ได้ปรากฏว่าดับ ในรูปร่างสัณฐานซึ่งทรงจำไว้อีกว่า สิ่งที่ปรากฏทางตาในขณะนี้มีหลายสีสัน แต่เหตุใด เราสามารถที่จะรู้ว่าเป็นใคร เป็นอะไร ถ้าไม่มีสัญญาเจตสิกคือสภาพที่จำ ก็จะไม่มีการรู้ว่าสิ่งที่กำลังปรากฏเป็นอะไร แต่ว่าสัญญาเจตสิกก็จะเปลี่ยนไป จากสัญญาเจตสิกที่เกิดกับอวิชชา การไม่รู้ความจริง แล้วก็ยึดถือสิ่งที่ปรากฏว่ามีจริงๆ ไม่ใช่สภาพธรรมที่เพียงเกิดขึ้น และดับไป ก็จะยึดถืออย่างนี้เรื่อยไป แต่ว่าบางกาลเป็นกุศล เพราะว่าสภาพธรรมมีหลากหลายมาก ขณะใดที่เป็นอกุศล ขณะนั้นก็เกิดร่วมกับอวิชชาความไม่รู้ และยังจะเกิดร่วมกับโลภะความติดข้องในสิ่งที่เห็น หรือความขุ่นเคืองไม่พอใจในสิ่งที่ปรากฏ เพราะเหตุว่าชีวิตก็อย่างนี้ เวลาที่เห็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดแล้วก็ไม่ชอบก็ชัง

    เพราะฉะนั้น ก็จะเห็นได้ว่าปกติ เมื่อมีอวิชชาความไม่รู้ ก็จะเกิดร่วมกับอกุศลอื่นๆ ซึ่งก็เป็นนามธรรมซึ่งมีจริง แล้วก็เป็นโลภะบ้าง โทสะบ้าง แต่บางกาลก็มีเจตสิกประเภทอื่นที่เกิด เพราะฉะนั้นสัญญาที่เกิดร่วมกับจิตประเภทอกุศล ก็เป็นอกุศลสัญญา ส่วนสัญญาที่เกิดกับจิตประเภทที่เป็นกุศล ก็เป็นกุศลสัญญา จนกว่าจะเกิดร่วมกับปัญญา แล้วค่อยๆ เข้าใจลักษณะของสภาพธรรมขึ้น ทั้งหมดนี้ก็เพราะสัญญาความจำ ซึ่งขณะนี้ก็มี แต่เราไม่เคยรู้ตัวเราตามความเป็นจริงว่า สัญญาที่มีกับเราขณะนี้เป็นประเภทไหน มากน้อยแค่ไหน เป็นประเภทที่จำถูกเข้าใจถูกในเรื่องราวของสภาพธรรม และ เป็นความจำถูก ความเข้าใจถูก พร้อมกับสติสัมปชัญญะที่ระลึกลักษณะของสภาพธรรม หรือว่ากำลังเจริญขึ้น นี้ก็เป็นเรื่องของสิ่งที่มีจริงในชีวิตประจำวัน ซึ่งไม่เคยรู้มาก่อนว่า เป็นธรรมแต่ละอย่าง และสัญญาเจตสิกก็เป็นสภาพธรรมที่มีความสำคัญมาก เพราะเหตุว่าเมื่อมีความจำว่าเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดก็จะมีการปรุงแต่งด้วยเจตสิก อื่นๆ ที่จะเป็นกุศลบ้าง อกุศลบ้าง นี้ก็คือชีวิตตามความเป็นจริง แต่กว่าจะรู้อย่างนี้นาน หรือไม่ ขั้นฟัง ขั้นเข้าใจ หรือขั้นรู้ว่ามีจริง และขั้นค่อยๆ เข้าใจขึ้น ก็อบรมไป ไม่ใช่ว่าจะไม่สามารถรู้ได้ แต่ว่าเป็นผู้ที่ตรงว่าขณะนี้สามารถที่จะเข้าใจในระดับใด

    ที่มา ...

    พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 14


    หมายเลข 5252
    16 ม.ค. 2567