อ่านพระไตรปิฎกเพื่ออะไร


    สิ่งที่มีอยู่ในพระไตรปิฎก ต้องเข้าใจถูก ไม่ใช่อ่านแล้วทำ โดยไม่เข้าใจอะไรเลย แม้แต่คำว่า “จังกัมมะ” ยังไม่เข้าใจ เพียงแต่ได้ยินว่า มีคำนี้ในพระไตรปิฎกก็จะทำ

    เพราะฉะนั้น ทุกอย่างไม่ใช่สำหรับให้เราตามไปโดยไม่เกิดปัญญา หรือความเข้าใจที่ถูกต้อง แม้แต่เมตตา ถ้าจะแผ่ แม้แต่คำแรก สัพเพ สัตตา น่าตกใจไหมคะ หมดเกลี้ยง ไม่มีเหลือเลย ความเมตตาของเราต่อสัตว์ทั้งปวง แล้วใจเราเป็นอย่างนั้นจริงๆ หรือเปล่า ถ้าไม่เป็น พูดทำไม พูดแต่ปาก สัพเพ สัตตา แต่ใจจริงของเราเมตตาถึงอย่างนั้นหรือเปล่า แล้วเมตตาคืออะไร เห็นงู สัพเพ สัตตาเลย แล้วต้องการอะไร เวลาเห็นงูแล้วสัพเพสัตตา คนบอกว่า งูจะได้ไม่กัด นี่คือความเห็นถูกหรือความเห็นผิด เพื่อประโยชน์ของตัวเอง หรือมีเมตตาจริงๆ กับสรรพสัตว์ทั้งปวง ไม่เหลือ จิ้งจก ตุ๊กแก งู หรือเวลาขึ้นรถประจำทางเห็นคนหน้าตาน่ากลัวถือมืด แล้วขณะนั้นเราสัพเพสัตตาหรือเปล่า หรือท่องใหญ่เพื่อเขาจะไม่ทำร้ายเรา

    นี่ก็เป็นเรื่องที่ไม่มีเหตุผล ยังไม่เข้าใจความหมายของสัพเพ สัตตา สัตว์ทั้งปวง ไม่มีประมาณ ไม่เหลือเลย เพราะฉะนั้น ต้องเป็นผู้ตรง ความเมตตาคือความเป็นมิตร ความเป็นมิตรตรงข้ามกับศัตรู พร้อมที่จะเกื้อกูล นี่คือมิตรจริงๆ แม้แต่แข่งดีก็ไม่ใช่มิตร ใครก็ตามที่คิดจะแข่งขันกัน หรือแข่งดีกัน ผู้นั้นถึงจะพูดเรื่องเมตตาสักเท่าไร แต่ผู้นั้นไม่เข้าใจเลยว่า ขาดเมตตา ไม่ใช่มิตรจริงๆ เพราะเหตุว่าเมตตาเป็นเพื่อนแท้ หวังดีด้วยประการทั้งปวง

    เพราะฉะนั้น ต้องเข้าใจชีวิตประจำวันด้วยตามความเป็นจริงว่า เราเข้าใจคำนี้ และเราอบรมเจริญคำนี้ถูกต้องหรือเปล่า ให้เข้าใจเรื่องของสภาพธรรม ปฏิปัตติ ก็คือสติระลึกที่ลักษณะของนามธรรม และรูปธรรมไม่ได้ เมื่อระลึกไม่ได้ ปฏิเวธ คือ การตรัสรู้หรือแทงตลอดลักษณะของสภาพธรรมนั้นๆ ก็มีไม่ได้ ก็เป็นเพียงความหวัง ความฝันในสิ่งซึ่งไม่สามารถเป็นความจริงได้ เพราะเป็นเรื่องของความรู้ทั้งหมด แต่เมื่อไม่รู้เลย แล้วไปพูดเรื่องความรู้โดยไม่รู้ ก็ไม่ทำให้เกิดความเข้าใจที่ถูก


    หมายเลข 4678
    26 ก.ค. 2567