ไม่พึงรุกรานบุคคลอื่นด้วยวาจา


    ข้อความใน อรรถกถาอรณวิภังคสูตร มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์ มีข้อความเรื่อง คำพูด ว่า คำว่า เนวุสฺสาเทยฺย อปสาเทยฺย ความว่า ไม่พึงยกคำไรๆ ขึ้น คือ ไม่พึงรุกรานอะไรๆ กับบุคคลด้วยอำนาจแห่งตัณหาที่อาศัยเรือน นี่ก็เป็นคำพูดซึ่งก็มีอยู่ ถ้ายังเป็นผู้ที่มีตัณหา มีความพอใจอยู่ ในลาภ ในสรรเสริญ หรือว่าในบุคคลใดๆ ก็ตาม อาจจะเป็นปัจจัยทำให้เกิดแม้คำพูดที่รุกรานบุคคลอื่น นิดๆ หน่อยๆ มีบ้างหรือไม่ คำพูดที่รุกรานบุคคลอื่น อาจจะไม่ถึงกับผรุสวาจา แต่พอท่านรู้สึกว่าท่านเป็นผู้ที่ชนะหรือว่าเป็นผู้ที่ควรจะรุกรานบุคคลอื่นได้ ด้วยวาจาอย่างไร วาจาอย่างนั้นจะเกิดขึ้นเป็นไปก่อนที่จะรู้สึกตัว ก็เป็นได้

    คำว่า สมฺมุขา นาติขีณํ ได้แก่ ไม่พึงกล่าวคำหยาบ คือคำที่กล่าวด้วยความเดือดร้อน ได้แก่ คำที่เศร้าหมอง ขณะนี้ไม่มีคำหยาบ เพราะใจไม่เดือดร้อน แต่เวลาที่ใจเดือดร้อนแล้วนั้น ผรุสวาจานั้นก็กล่าวออกไปได้ เพราะสภาพของจิตที่เดือดร้อน

    คำว่า นาภินิเวเสยฺย ได้แก่ ไม่พึงแกล้งกล่าว นี่ก็เป็นชีวิตประจำวัน ลองพิจารณาดีๆ ว่าเคยมีบ้างหรือไม่ บทว่า สทุกฺโข ได้แก่ มีความทุกข์ด้วยวิปากทุกข์บ้าง กิเลสทุกข์บ้าง ที่บางท่านก็ปรารภว่ามีความทุกข์ ก็ควรที่จะแยกได้ ว่าความทุกข์ที่มีอยู่ เป็นวิปากทุกข์ เป็นผลของกรรมในอดีตที่ได้กระทำแล้ว นั่นเป็นส่วนของผลของกรรมที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ว่ากิเลสทุกข์มีหรือไม่ คือความเร่าร้อนใจ ความไม่สบายใจ ความเดือดร้อนใจ ที่เกิดขณะที่ได้รู้อารมณ์ที่ไม่ดี ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ สำหรับอารมณ์ที่ไม่ดีต่างๆ เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้จริง เพราะเหตุว่ากรรมในอดีตได้กระทำแล้ว แต่กิเลสทุกข์สามารถที่จะระงับ บรรเทา ละคลายได้ ด้วยการระลึกรู้ว่าขณะนั้นเป็นสภาพของอกุศลจิต ซึ่งถ้าเกิดบ่อยๆ ก็จะสะสมไป แล้วก็ทำให้จิตของตนเองนั้นเศร้าหมอง ไม่สามารถที่จะดับความเศร้าหมองนั้นได้ ถ้าสติไม่เกิดขึ้นรู้ว่าสภาพของจิตในขณะนั้นเป็นอกุศล แต่ถ้าสติเกิด ระลึกรู้ว่าขณะนั้นเป็นสภาพของจิตที่ไม่ดี และจิตที่ไม่ดีในขณะนั้นของตนเอง บุคคลอื่นก็ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงให้เป็นอย่างอื่นได้ นอกจากสติ และปัญญาจะรู้ในขณะนั้นว่าเป็นสภาพที่เศร้าหมอง ไม่เป็นกุศล แล้วก็จะทำให้จิตเศร้าหมองมากขึ้นถ้าสะสมไปมากขึ้น ถ้ารู้อย่างนี้ก็คงจะไม่มีใครที่อยากจะสะสมสภาพของจิตที่เศร้าหมอง ซึ่งตนเองเท่านั้นที่จะบรรเทาให้ละคลายได้

    บทว่า สอุปฆาโฏ ได้แก่ มีการกระทบกระทั่ง ด้วยการกระทบกระทั่ง ด้วยอำนาจวิบาก และการกระทบกระทั่งด้วยอำนาจกิเลสนั่นเอง คือว่ามีความเร่าร้อน

    บทว่า มิจฉาปฏิปทา ความว่า ข้อปฏิบัตินี้เป็นอกุศลปฏิปทา ถ้าปล่อยให้จิตเศร้าหมอง เดือดร้อน เร่าร้อนด้วยกิเลส ไม่ระลึกรู้ในขณะนั้น ก็ไม่สามารถที่จะดับได้ เพราะฉะนั้นก็เป็นอกุศลปฏิปทา


    หมายเลข 4571
    19 ก.พ. 2568