ทุกข์ ... เป็นของธรรมดา
ท่านอาจารย์ ถ้าได้ศึกษาสภาพธรรมที่เป็นปรมัตถธรรม และรู้ว่าลักษณะของสังขารธรรม คือ สภาพที่เกิดขึ้นแล้วดับไปนั้น เป็นทุกข์ จึงจะเข้าใจความหมายที่ว่า ทุกข์ เป็นของธรรมดา ซึ่งมีอยู่เป็นประจำทุกวัน เพราะเหตุว่าสังขารธรรมมีปัจจัยเกิดขึ้นและดับไปสืบต่อกันอยู่เรื่อยๆ ทั้งที่เป็นรูปธรรม และที่เป็นนามธรรม
เพราะฉะนั้น ทุกข์ เป็นธรรมดา และเหตุที่จะให้เกิดทุกข์ ก็เป็นธรรมดาด้วย เพราะเหตุว่าธรรมดาทุกคนพอใจในโลภมูลจิต เมื่อมีความยินดีพอใจซึ่งเป็นโลภมูลจิต ในรูป ในเสียง ในกลิ่น ในรส เพลิดเพลินไป เป็นธรรมดา เพราะฉะนั้น ทุกข์ ก็ต้องเป็นธรรมดาด้วย เพราะเหตุว่า เหตุที่จะให้เกิดทุกข์เป็นธรรมดา
โลภะ ธรรมดาหรือไม่ธรรมดา ใครรู้สึกว่าโลภะไม่ธรรมดาบ้าง เกิดบ่อยที่สุด ในวันหนึ่งๆ จนเป็นธรรมดา เพราะฉะนั้น ทุกข์ ก็ต้องเป็นธรรมดาเหมือนกัน เพราะเหตุว่าถ้าโดยปรมัตถธรรมแล้ว ทุกข์ ได้แก่ สภาพของสังขารธรรม ซึ่งเกิดดับ
ข้อความใน สัมโมหวิโนทนี อรรถกถา สัจจวิภังคนิเทศ วิเคราะห์ศัพท์ ทุกข มีข้อความว่า ก็สัจจะแรก คือทุกขสัจจ์นี้ ชื่อว่าเป็นสิ่งที่น่าเกลียด เพราะเป็นที่ตั้งของอุปัทวะมิใช่น้อย ชื่อว่า ว่างเปล่า เพราะเว้นจากความเป็นของยั่งยืน เป็นของงาม เป็นสุข และเป็นอัตตาที่ชนพาลกำหนดกัน
ฉะนั้น พระผู้มีพระภาคจึงตรัสเรียกว่า ทุกข์ เพราะเป็นของน่าเกลียด และเป็นสิ่งว่างเปล่า ที่ว่าน่าเกลียดคือ เป็นสภาพที่ไม่เป็นที่พอใจ หรือว่า ไม่น่าพอใจ เเล้วก็เป็นสภาพที่ว่างเปล่า เพราะเหตุว่า แม้ว่าจะเป็นสภาพที่ไม่น่าพอใจ ก็โดยสภาพที่เป็นของไม่ยั่งยืน
ที่ว่า เป็นสิ่งน่าเกลียดเพราะเป็นที่ตั้งของอุปัทวะมิใช่น้อยเลย อันนี้ก็จะเห็นได้จากอุบัติเหตุซึ่งเกิดขึ้น และก็โรคภัยไข้เจ็บต่างๆ กายที่เป็นแผลเปื่อยเน่า มีหนอนไต่ตอม เป็นต้น อันนั้นก็จะเห็นได้ชัดว่า เป็นสิ่งที่น่าเกลียด เพราะเป็นที่ตั้งของอุปัทวะไม่ใช่น้อย
ทุกขสัจจ์ มีความเบียดเบียนเป็นลักษณะ มีความให้เร่าร้อนเป็นรสะ มีความเป็นไปทั่วเป็นปัจจุปัฏฐาน เป็นไปทั่วคือ ไม่เว้นเลย ถ้าจะกล่าวเทียบโดยบุคคลก็ไม่เว้นใครทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นคนฉลาด หรือไม่ฉลาด แม้ว่าจะเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือว่าเป็นพาลบุคคล ทุกขสัจจ์ มีความเป็นไปทั่ว เป็นปัจจุปัฏฐาน เพราะเหตุว่าเป็นสภาพซึ่งเกิดขึ้น และดับไปเหมือนกันหมดทุกคน
