วิญญาณเป็นปัจจัยแก่นามรูป


    ถ้ากล่าวโดยนัยของปฏิจจสมุปปาทก็เป็นตอนที่ว่า “วิญญาณเป็นปัจจัยแก่นามรูป” เพราะเหตุว่าปฏิสนธิจิตเป็นวิญญาณ ซึ่งเป็นปัจจัยแก่เจตสิกซึ่งเกิดร่วมด้วยในขณะนั้น และเป็นปัจจัยแก่กัมมชรูปซึ่งเกิดพร้อมกันในขณะนั้น

    ในขณะปฏิสนธิจิตขณะเดียวนั้นเอง ตัวปฏิสนธิจิตเป็นวิญญาณ เป็นจิตปรมัตถ์ ซึ่งเป็นปัจจัยให้กับเจตสิกซึ่งเกิดร่วมด้วยเกิดขึ้นพร้อมกัน และเป็นปัจจัยให้กัมมชรูปเกิดพร้อมกัน   ในขณะอุปาทะของปฏิสนธิจิตนั้น

    กัมมชรูป ชื่อบอกแล้วว่า เป็นรูปซึ่งเกิดเพราะกรรม ไม่ใช่รูปกลุ่มที่เกิดเพราะจิต ไม่ใช่รูปกลุ่มที่เกิดเพราะอุตุ ไม่ใช่รูปกลุ่มที่เกิดเพราะอาหาร

    แต่สำหรับปฏิสนธิขณะ  คือ ปฏิสนธิกาล ถ้าปราศจากปฏิสนธิจิต กัมมชรูปเกิดไม่ได้

    นี่ก็แสดงให้เห็นความพิเศษของสภาพธรรมในขณะหนึ่งว่า ในขณะปฏิสนธิ คือ ในปฏิสนธิกาล เป็นขณะที่พิเศษต่างจากขณะหลัง ๆ ซึ่งขณะหลัง ๆ กัมมชรูปเกิดขึ้นเพราะกรรมเป็นปัจจัย   โดยไม่ต้องอาศัยจิต ในขณะที่ปฏิสนธิจิตเกิดขึ้น กัมมชรูปในขณะนั้นเป็นปัจจัยและปัจจยุปบัน   คือ เป็นปัจจยุปบันของปฏิสนธิจิต และเป็นปัจจัยให้ปฏิสนธิจิตเกิดขึ้น เพราะเหตุว่าในภูมิที่มีขันธ์ ๕ นามธรรม คือ จิตและเจตสิกไม่สามารถที่จะเกิดโดยไม่อาศัยรูปธรรมตั้งแต่ปฏิสนธิขณะ   จนกระทั่งถึงจุติ

    นี่ก็แสดงให้เห็นถึงแต่ละขณะนี้มีความพิเศษ มีความต่างออกไป ซึ่งเป็นความละเอียด   ซึ่งจะต้องรู้ว่า ทุกอย่างเป็นเพราะปฏิสนธิขณะประมวลมาซึ่งปัจจัยและปัจจยุปบันของธรรมทั้งหลายซึ่งเกิดสืบต่อ  ตั้งแต่ปฏิสนธิจนถึงจุติ โดยอนันตรปัจจัย

    เพราะฉะนั้นเมื่อปฏิสนธิจิตดับ เป็นปัจจัยทำให้ภวังคจิตดวงแรกเกิดสืบต่อ ถ้ามี

    ผู้ฟัง ว่าเพราะอะไร ก็เพราะปฏิสนธิจิตและเจตสิกเป็นอนันตรปัจจัยและสมนันตรปัจจัย  ให้ภวังคจิตเกิด   ปฐมภวังคจิตที่ดับไปก็เป็นอนันตรปัจจัยและสมนันตรปัจจัยให้ภวังคจิตดวงที่ ๒  เกิดสืบต่อ

    ไม่มีใครจะไปบังคับ หรือว่าจะไปเปลี่ยนแปลงความเป็นอนันตรปัจจัยของปฐมภวังค์ว่า เมื่อดับไปแล้วให้จิตดวงอื่นซึ่งไม่ใช่ภวังคจิตดวงที่ ๒ เกิด

    นี่คือสภาพธรรมตามความเป็นจริง ตามปกติ ซึ่งไม่ใช่มีแต่ปฏิสนธิจิตและภวังคจิตเท่านั้น   ยังมีการเกิดขึ้นรู้อารมณ์ทางตา หรือทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ โดยอนันตรปัจจัย   

    ถ้ามีปฏิสนธิจิตเกิดแล้วดับ แล้วมีภวังคจิตเกิดแล้วดับเท่านั้น ไม่มีใครเดือดร้อน ไม่มีใครเป็นสุข  เป็นทุกข์ทั้งสิ้น  เพราะเหตุว่าไม่ได้รู้อารมณ์ซึ่งทำให้เกิดความรักหรือความชัง  ซึ่งทุกคนก็เห็นได้ว่า ขณะที่นอนหลับสนิท  ไม่เกิดความรักความชังใดๆทั้งสิ้น เพราะเหตุว่าไม่ได้เห็น ไม่ได้ยิน ไม่ได้กลิ่น ไม่ได้ลิ้มรส ไม่รู้สิ่งที่กระทบสัมผัส

    แต่อนันตรปัจจัยทำให้เกิดการรู้อารมณ์ขึ้น  การที่จิตจะเกิดขึ้นรู้อารมณ์ใหม่ทางตา   หรือทางหู  ทางจมูก  ทางลิ้น ทางกาย ทางใจก็ตาม ให้ทราบว่าในขณะนั้นเปลี่ยนจากอารมณ์ของภวังคจิต  เพราะเหตุว่าภวังคจิตมีอารมณ์เดียวกับปฏิสนธิจิต ซึ่งเป็นอารมณ์ที่ไม่ปรากฏทางตา   ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ แต่อนันตรปัจจัยทำให้วิถีจิตเกิดขึ้น เปลี่ยนจากอารมณ์   ของปฏิสนธิและภวังค์ โดยเป็นการรู้อารมณ์ที่ปรากฏทางตา หรือทางหู ทางจมูก ทางลิ้น หรือทางกาย หรือทางใจ


    หมายเลข 3476
    28 ส.ค. 2558