กตัตตาวาปณกรรม


    เพราะฉะนั้นก็จะพิจารณาได้จากชีวิตประจำวันในเรื่องของกฏัตตาวาปนกรรม ซึ่งเป็นกรรมอย่างอ่อนๆ ก่อน 

    ขณะที่ละเมอแล้วทำสิ่งหนึ่งสิ่งใด บางคนละเมอทำการงาน อาจจะตักน้ำ เก็บมะม่วง หรือทำอะไรหลายอย่าง ในขณะนั้นเป็นกรรมหรือเปล่า หรือว่าเป็นอกุศลจิต

    มีตัวอย่างจริงๆไหมคะ ในเรื่องความวิจิตรของจิต ที่จะพิจารณาเรื่องความหนักเบาของกรรม เพราะเหตุว่าในขณะที่นอนหลับและละเมอ ไม่เหมือนในขณะที่สมบูรณ์ด้วยสติสัมปชัญญะ แต่ว่ายังมีการทำสิ่งต่างๆได้ เห็น แล้วก็ได้ยิน แล้วก็มีการเคลื่อนไหวต่างๆ มีการกระทำต่างๆ ถ้าละเมอเดินลงไปรับประทานน้ำ แล้วก็กลับขึ้นมานอน ขณะนั้นก็ไม่เป็นอกุศลกรรม แต่ก็เป็นอกุศลจิต ซึ่งประกอบด้วยอุทธัจจโมหมูลจิตอย่างมาก ทำให้เป็นผู้ที่ขาดความรู้สึกตัว การละเมอคงจะไม่เกิดกับทุกท่าน แต่ทำไมบางท่านเป็นได้

    นี่คือการสะสมอย่างวิจิตรทีเดียวในสังสารวัฏ บางคนอาจจะละเมอทำทุจริตกรรม ได้ไหมคะ ขณะนั้นเป็นกรรมไหม เป็นอกุศลกรรมบถไหม เป็น

    ถ้าวิกลจริตแล้วกระทำปาณาติบาตเป็นอกุศลกรรมบถไหม

    นี่ก็เป็นสิ่งที่จะต้องพิจารณาแต่ละเรื่องโดยละเอียดว่า อกุศลจิตเป็นอย่างไร อกุศลกรรมบถเป็นอย่างไร และอกุศลจิต อกุศลกรรมในขณะที่ขาดสติสัมปชัญญะ เช่น ขณะที่ละเมอ หรือในขณะที่วิกลจริต กับขณะที่ประกอบด้วยความรู้สึกตัวเต็มที่ ก็เป็นภาวะที่ต่างกัน

    เพราะฉะนั้นข้อความในอัฏฐสาลินี จิตตุปาทกัณฑ์ ว่าด้วยมโนกรรมทวาร มีข้อความว่า

    จริงอยู่ กรรมที่ถึงความหวั่นไหวในกายทวารและวจีทวาร แต่ไม่ถึงกับเป็นกรรมบถก็มี ถึงความฟุ้งในมโนทวาร แต่ไม่ถึงกับเป็นกรรมบถก็มี

    ข้อความในอัฏฐสาลินี ยกตัวอย่างของคนที่คิดว่าจะไปล่าสัตว์ และเตรียมธนู ฟั่นเชือก ลับหอก นุ่งห่มเสื้อผ้า รับประทานอาหาร เพียงเท่านี้ย่อมเป็นอันหวั่นไหวในกายทวาร ผู้นั้นเที่ยวไปในป่าตลอดวัน ไม่ได้อะไร แม้เพียงกระต่ายและตุ่น อกุศลนี้จัดเป็นกายกรรมหรือไม่

    แก้ว่า   คือตอบว่า ไม่เป็น

    ถามว่า   ทำไมไม่เป็น

    แก้ว่า   เพราะไม่ถึงความเป็นกรรมบถ แต่พึงทราบว่าเป็นกายทุจริตอย่างเดียว

    สำหรับกายกรรมทางวจีทวารก็โดยอีกนัยหนึ่ง คือ สั่งให้คนอื่นจัดเตรียมเป็นต้น ด้วยวาจา แต่ถ้ายังไม่ได้สัตว์สักตัวหนึ่ง แม้กระต่ายหรือตุ่น ก็ยังไม่ชื่อว่าเป็นกายกรรม เพราะเหตุว่าปาณาติบาตนั้นยังไม่สำเร็จ ยังไม่ครบองค์ แต่ว่าการกระทำทั้งหมดในขณะนั้น ชื่อว่า เป็นกายทุจริต ไม่ใช่กายสุจริต เพราะเหตุว่าเป็นการกระทำของอกุศลจิต

    เพราะฉะนั้น อกุศลจิตที่ไม่ใช่อกุศลกรรมบถ มี  ที่ทำไปด้วยความรู้สึกตัวเต็มที่ ก็มี และที่ทำไปด้วยความไม่รู้สึกตัว ก็มี เช่น ในขณะที่ละเมอ บางท่านเป็นผู้ที่ขาดความรู้สึกตัวชั่วระยะหนึ่ง  อาจจะออกจากบ้านไปโดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าเป็นใคร อาจจะต้องมีการรักษาพยาบาลอยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง แล้วแต่ว่าจะรู้สึกตัวได้มากน้อยแค่ไหน บางท่านก็รู้สึกตัวเร็ว และแปลกใจจริงๆในขณะที่ไม่สามารถที่จะจำอะไรได้เลย และได้ทำอะไรบ้างในขณะที่จำอะไรไม่ได้

    อันนี้ก็แสดงไว้ว่าเป็นผลของการดื่มสุรา ซึ่งทำให้เป็นผู้ขาดสติสัมปชัญญะ เพราะฉะนั้นถ้าสะสมการขาดสติสัมปชัญญะมากๆ ก็ย่อมจะทำให้เป็นผู้ที่ขาดความรู้สึกตัว เพราะว่าแต่ละคนก็เป็นผู้มีกรรมที่ได้กระทำไว้แล้วมากทีเดียว จนไม่สามารถที่จะทราบได้ว่า วิบากหรือสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันหนึ่งๆ จะเป็นวิบากประเภทใด ทางไหน

    ข้อสำคัญก็ต้องเข้าใจด้วยว่า กรรมได้แก่เจตนา

    ในคราวก่อนที่ท่านผู้ฟังกล่าวว่า เอาขยะไปทิ้งแล้วท่านผู้ใดได้รับประโยชน์จากอาหารที่เหลือ ก็เข้าใจว่า วันหนึ่งท่านหิวก็คงจะโซซัดโซเซไปพบอาหาร คงเป็นผลของการนำขยะไปทิ้ง แล้วก็มีบุคคลได้รับประโยชน์จากอาหารที่ท่านทิ้งไป  โดยไม่มีเจตนา แต่ต้องเข้าใจว่า เจตนาเท่านั้นที่เป็นกรรม ถ้าทิ้งเฉยๆ อย่าคิดว่าเป็นกุศลกรรม แต่ถ้าให้แม้จะเป็นอาหารเหลือ แต่มีเจตนาที่ให้เป็นประโยชน์ ในขณะนั้นจึงจะเป็นกรรม

    เพราะฉะนั้น สำหรับกฏัตตาวาปนกรรม กรรมเล็กๆน้อยๆ ในชีวิตประจำวันฝ่ายอกุศลก็มี ทางฝ่ายกุศลก็มี ซึ่งถ้ากรรมใหญ่ๆ หรือกรรมหนักๆ ไม่มีที่จะให้ผลก่อนจะจุติ กฏัตตาวาปนกรรม คือ กรรมเล็กๆน้อยๆ ก็จะสามารถทำให้ปฏิสนธิจิตเกิดได้


    หมายเลข 3409
    17 ส.ค. 2558