ปรมัตถธรรม ๔ กับ อารัมมณาธิปติปัจจัย


    เพราะฉะนั้นก่อนอื่นต้องทราบว่า สภาพธรรมที่เป็นอารัมมณาธิปติปัจจัย เมื่อกล่าวโดยนัยของจิตปรมัตถ์ ได้แก่ จิตทั้งหมด ๘๔ ดวง  เว้นจิต ๕ ดวงคือ  เว้นโทสมูลจิต ๒ ดวง  โมหมูลจิต ๒ ดวง  และเว้นทุกขกายวิญญาณจิต ๑ ดวง

    ถ้ากล่าวโดยนัยของเจตสิกปรมัตถ์  เว้นเจตสิกที่เกิดกับโทสมูลจิต  และโมหมูลจิต  ไม่เป็นอารัมมณาธิปติปัจจัย

    ถ้ากล่าวโดยนัยของรูปปรมัตถ์  รูปทั้งหมดเป็นอารัมมณาธิปติปัจจัยของเฉพาะโลภมูลจิต

    ถ้ากล่าวโดยนัยของนิพพาน  นิพพานเป็นอารัมมณาธิปติปัจจัยแน่นอน เพราะเหตุว่าเป็นอารมณ์ที่หนักแน่น  เป็นที่พอใจของโลกุตตรจิตและมหากุศลญาณสัมปยุตต์ และมหากิริยาญาณสัมปยุตต์  แต่นิพพานหรือโลกุตตรจิตทั้ง ๘ ดวง ไม่เป็นอารัมมณาธิปติของโลภมูลจิต

    เพราะฉะนั้นในชีวิตประจำวัน  จึงควรที่จะรู้ว่า อะไรเป็นอารมณ์ของโลภะและอะไรเป็นอารัมมณาธิปติปัจจัยของโลภมูลจิต เพราะเหตุว่าวันหนึ่ง ๆ กุศลจิตเกิดน้อยกว่าโลภมูลจิตมาก

    สำหรับโทสมูลจิตก็ดี โมหมูลจิตก็ดี หรือว่าทุกขกายวิญญาณไม่เป็นที่ปรารถนา   เพราะฉะนั้นจึงไม่เป็นอารัมมณาธิปติปัจจัย

    และสำหรับรูปซึ่งทุกท่านพอใจแสวงหาอยู่เสมอ ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย   รูปใดซึ่งกำลังเป็นที่พอใจ ขณะนั้นกำลังเป็นอารัมมณาธิปติปัจจัย พอใจอย่างหนักแน่น ไม่ใช่เฉย ๆ   เพราะเหตุว่าตั้งแต่ตื่นมา โลภะนับไม่ถ้วน แต่ยังไม่ปรากฏว่าปรารถนาหรือพอใจ  หรือแสวงหาสิ่งใดเป็นพิเศษ ขณะใดที่รู้สึกว่าต้องการสิ่งใด พอใจสิ่งใด แสวงหาสิ่งใดเป็นพิเศษ ขณะนั้นให้ทราบว่าเป็นอารัมมณาธิปติปัจจัย และควรที่จะได้ทราบด้วยว่า เมื่อเป็นอารัมมณาธิปติปัจจัยแล้ว   เป็นอารัมมณธิปติปัจจัยของโลภมูลจิตเท่านั้นสำหรับรูป

    นี่เป็นประโยชน์ที่ว่า ท่านผู้ฟังจะได้ขัดเกลาการติดอย่างมากในรูป เพราะว่าอย่าเข้าใจผิดว่า บางรูปจะเป็นอารัมมณาธิปติปัจจัยของกุศล

    รูปเป็นอารัมมณปัจจัยของกุศลจิตได้ จริง แต่ไม่มีสักรูปเดียวที่จะเป็นอารัมมณาธิปติปัจจัยของกุศลจิตได้

    เพราะฉะนั้นในชีวิตประจำวัน ถ้าเกิดพอใจรูป แล้วก็คิดว่าเป็นกุศล ควรที่จะได้ระลึกถึงอารัมมณาธิปติปัจจัยว่า ถ้าเป็นกุศลแล้วไม่ติด  สละวัตถุนั้นได้ ขณะนั้นจึงเป็นกุศล แต่ว่าไม่ว่าจะพอใจในรูปใดก็ตาม และเข้าใจว่าขณะนั้นเป็นกุศล ก็ขอให้พิจารณาว่า  ถ้าเป็นรูปแล้วและมีความพอใจอย่างมาก  ในขณะนั้นต้องไม่ใช่กุศล

    อย่าลืมแยกกันว่า   รูปเป็นอารมณ์ของกุศลจิตได้   แต่รูปเป็นอารัมมณาธิปติปัจจัยของกุศลจิตไม่ได้

    ท่านผู้ฟังให้ทาน  ก็เป็นไปในเรื่องรูป  ในขณะนั้นไม่ติด  สามารถที่จะเป็นกุศล สละได้   เพราะฉะนั้นรูปจึงเป็นอารัมมณปัจจัยของกุศลจิตได้ แต่รูปทั้งหมดเป็นอารัมมณาธิปติปัจจัยของกุศลจิตไม่ได้

    อันนี้เพื่อประโยชน์ที่ท่านจะได้ละคลายอกุศล  ให้รู้ว่าขณะที่กำลังพอใจอย่างหนักแน่น   ในรูปหนึ่งรูปใด   ในขณะนั้นรูปนั้นจะเป็นอารัมมณาธิปติปัจจัยของกุศลไม่ได้

    ทรง.  รูปของพระพุทธเจ้าจะเป็นอารัมมณาธิปติปัจจัยของกุศลจิตก็ไม่ได้

    ท่านอาจารย์ ไม่ได้ เป็นอารัมมณปัจจัยได้  แต่เป็นอารัมมณาธิปติปัจจัยไม่ได้

    ขณะนั้นกุศลจิตเกิดใช่ไหมคะ รูปนั้นเป็นเพียงอารัมมณปัจจัย  อย่าลืม   แต่ขณะใดก็ตามที่เกิดติดในรูปนั้น  ให้ทราบว่าในขณะนั้นเป็นโลภมูลจิตเสียแล้ว

    เพราะฉะนั้นการนอบน้อมเคารพสักการะ จึงต้องมีเหตุผลว่านอบน้อมเคารพสักการะในอะไร  ในคุณธรรม ในพระคุณต่าง ๆ  และถ้าเป็นการที่จะเกิดกุศลจิตในขณะที่มีรูปเป็นอารมณ์   ก็จะต้องรู้ว่า ไม่ใช่ในขณะที่เป็นโลภมูลจิต ถ้าเกิดการติดหรือเกิดพอใจอย่างมาก อย่างหนักแน่น   อย่างประทับใจ  ก็ให้ทราบว่าในขณะนั้นเป็นโลภมูลจิต

    จิตเกิด – ดับสลับกันเร็วเหลือเกิน และลักษณะของจิตที่คล้ายคลึงกัน  คือ กุศลจิตที่ประกอบด้วยศรัทธาและโลภมูลจิต ถ้าสติไม่ระลึกรู้ ก็อาจจะคิดว่าอกุศลจิตเป็นกุศล

    เพราะฉะนั้นในเรื่องของปัจจัยจึงได้แสดงไว้โดยละเอียดกว่านี้มากทีเดียวว่า สภาพธรรมที่เป็นอารัมมณาธิปติปัจจัยเป็นปัจจัยให้เกิดจิตประเภทไหน ซึ่งเป็นปัจจยุปปันนธรรม   

    “ปัจจัย”   เป็นเหตุให้เกิดผล  คือ  “ปัจจยุปปันนธรรม”

    เพราะฉะนั้นให้ทราบว่ารูปทั้งหมด  อย่าลืม  เป็นอารัมมณปัจจัยของกุศลจิต แต่ไม่เป็นอารัมมณาธิปติปัจจัยของกุศลจิต

    มิฉะนั้นก็จะหลงมีอกุศล แล้วก็เข้าใจว่าเป็นกุศลทั้งนั้น ท่านผู้ฟังชอบดอกไม้ชนิดไหนคะ   บางท่านก็อาจจะถามกันใช่ไหมคะ ประเภทนั้นที่ชอบเป็นพิเศษเป็นอารัมมณาธิปติปัจจัย   เวลาที่ถวายดอกไม้บูชาพระรัตนตรัย  ในขณะนั้นรูปนั้นเป็นอารมณ์ของกุศลจิตได้ แต่ขณะที่ชอบเหลือเกิน พอใจมากในดอกไม้ประเภทนั้น ในขณะนั้นต้องอย่าลืม  เป็นอารัมมณาธิปติปัจจัยของโลภมูลจิต  ยังจะให้เป็นกุศลไหมคะในขณะนั้น  กุศลในขณะที่บูชาพระรัตนตรัย แต่เวลาที่กำลังชอบมากจริง ๆ ในขณะนั้นยังจะให้เป็นกุศลต่อไปอีกไหมคะ   หรือว่าในขณะนั้นเป็นอกุศลเสียแล้วโดยที่ไม่รู้

    เพราะฉะนั้นสำหรับอารัมมณาธิปติปัจจัย ถ้าเป็นเรื่องที่ยุ่งยากสลับซับซ้อนเสียจนเกินไป   ก็ขอให้เพียงแต่รู้ เพียงข้อสำคัญที่ว่า  อารัมมณาธิปติปัจจัย

    โดยนัยของจิต ได้แก่ จิต ๘๔ ดวง  เว้นจิต ๕ ดวง ซึ่งไม่เป็นที่ปรารถนา ไม่เป็นที่พอใจ

    โดยนัยของเจตสิก ก็เว้นเจตสิกที่เกิดกับจิตเหล่านั้น

    โดยนัยของรูป รูปทั้งหมดเป็นอารัมมณาธิปติปัจจัยของโลภมูลจิต แต่ไม่เป็นอารัมมณาธิปติปัจจัยของกุศลจิต

    สำหรับนิพพานและโลกุตตรจิต ไม่เป็นอารัมมณาธิปติปัจจัยของโลภมูลจิต   แต่เป็นอารัมมณาธิปติปัจจัยของโลกุตตรจิต และมหากุศลญาณสัมปยุตตจิต และมหากิริยาญาณสัมปยุตตจิต

    สำหรับโลกุตตรธรรม ๙   ไม่เป็นอารัมมณาธิปติปัจัยของโลภมูลจิต   

    สงสัยไหมคะในเมื่อโลภมูลจิต หรือสภาพซึ่งได้แก่โลภเจตสิก ซึ่งเป็นสภาพที่ติดและพอใจ ไม่เว้นอะไรเลย นอกจากโลกุตตรธรรมเท่านั้น ทุกอย่างเป็นอารมณ์ได้ทั้งหมด 

    โลภมูลจิตเกิดนับไม่ถ้วน เป็นไปในอารมณ์ต่าง ๆ ทุกขณะ  ทุกวัน อยู่เสมอ ไม่ว่าจะมีอะไรก็พอใจได้ทั้งนั้น นอกจากโลกุตตรธรรมเท่านั้น  ซึ่งไม่เป็นอารมณ์ของโลภมูลจิต

    มีข้อสงสัยอะไรบ้างไหมในเรื่องของอธิปติปัจจัย


    หมายเลข 3366
    29 ส.ค. 2558