กำลังเห็นมีเวทนาไหม


    กำลังเห็น มีเวทนา ความรู้สึกไหม ขณะที่เห็น ก็ต้องมีความรู้สึก บางครั้งเฉยๆ บางครั้งดีใจ บางครั้งเสียใจ ถ้าสติไม่ระลึกรู้ว่า ความรู้สึกเฉยๆ นั้น ก็เป็นสภาพธรรมชนิดหนึ่ง ความรู้สึกดีใจก็เป็นสภาพธรรมชนิดหนึ่ง ความรู้สึกเสียใจก็เป็นสภาพธรรมชนิดหนึ่ง ถ้าสติไม่ระลึกรู้ในขณะนั้น ก็เป็น เราดีใจ เราเฉยๆ เราเสียใจ ถ้าปัญญาไม่เจริญ สติไม่ตามรู้ลักษณะของนามรูปโดยละเอียด โดยทั่วแล้ว การที่จะละการยึดถือสภาพธรรมทั้งหลายว่าเป็นตัวตนนั้นจะมีไม่ได้เลย

    เพราะเหตุว่ามีอวิชชาท่วมท้นทั้งทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ ทุกขณะที่เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น รู้รส รู้สิ่งที่กระทบสัมผัส คิดนึก เป็นสุข เป็นทุกข์ต่างๆ

    เพราะฉะนั้น การที่จะละการยึดถือสภาพธรรมทั้งหลายว่าเป็นตัวตนได้นั้น ต้องเจริญสติให้ปัญญารู้ชัด ซึมซาบเข้าไปแทนที่อวิชชาที่ซึมซาบอยู่ทุกขณะ ทั้งทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ รู้รูป รู้นาม ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจเพิ่มขึ้น มากขึ้น ทั่วขึ้น ชัดขึ้น จึงจะละการยึดถือว่าเป็นตัวตนได้ แต่ข้อสำคัญ อาจจะไม่ทราบว่ายึดถือนามอะไร รูปอะไรว่าเป็นตัวตน มีความเห็นผิด มีสักกายทิฏฐิ มีอวิชชาในขณะไหนบ้าง ถ้าไม่ทราบ ปัญญาก็ไม่เกิดขึ้นแทนที่อวิชชา เป็นต้นว่า กำลังเห็น ถ้าไม่รู้เลยว่าขณะนี้ไม่รู้ลักษณะของนามเห็น กับ สีที่ปรากฏ ว่าไม่ใช่ตัวตนทั้งสองอย่าง ในขณะที่กำลังได้ยิน สติไม่เคยระลึกรู้ลักษณะของเสียง ไม่เคยระลึกรู้ลักษณะของได้ยิน ก็ไม่รู้ว่าขณะนั้นยังมีความไม่รู้ในลักษณะของเสียง ในลักษณะของการได้ยิน เพราะฉะนั้นก่อนอื่น ต้องรู้ว่า อวิชชามีทั้งทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ จะหมดไปได้ก็ต่อเมื่อสติเกิดขึ้นระลึกรู้ลักษณะของสิ่งที่มีปรากฏในขณะนั้น ถูกต้องตามความเป็นจริงมากขึ้น เพิ่มขึ้น แม้ในขณะที่หายใจเข้า ในขณะที่หายใจออก ก็ไม่ใช่จะมีแต่ลักษณะของลมที่ปรากฏ ความรู้สึกปีติ ความรู้สึกเป็นสุข สติก็จะต้องระลึกรู้ในลักษณะนั้น จึงจะละการยึดถือนามรูปว่าเป็นตัวตนได้ หรือถ้าไม่ใช่ลมหายใจ ขณะที่กำลังเห็นเดี๋ยวนี้ เฉยๆ ก็เป็นความรู้สึกชนิดหนึ่ง ต้องระลึกด้วย สติก็จะต้องเจริญขึ้น ปัญญาก็จะต้องรู้ชัดขึ้นเรื่อยๆ จึงจะละการไม่รู้ได้

    มหาสติปัฏฐาน พยัญชนะก็ชี้ไว้แล้วว่า มาก ทุกอย่าง ทั้งปวง เป็นเครื่องให้สติระลึกได้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นกาย ไม่ว่าจะเป็นเวทนา ไม่ว่าจะเป็นจิต ไม่ว่าจะเป็นธรรมใดๆ อย่าเป็นห่วง กลัวว่าจะไม่ใช่สติปัฏฐาน เพราะเหตุว่าเป็นผู้มีปกติหลงลืมสติมานานแล้ว เพราะฉะนั้น เมื่อมีสิ่งใดที่สติจะระลึกได้ ก็ให้ระลึก ไม่ต้องกลัว


    หมายเลข 2833
    24 ก.ย. 2566