ท่านสุเมธบัณฑิตคิดว่า อมตธรรม เครื่องชำระมลทิน คือกิเลสมีอยู่


    ท่านสุเมธบัณฑิตคิดแม้ประการอื่นอีกว่า บุรุษผู้จมลงในกองอุจจาระ แลเห็นหนองน้ำที่มีน้ำใส ประดับด้วยบัวหลวง บัวสาย และบัวขาว ก็ควรแสวงหาหนองน้ำนั้นด้วยความคำนึงว่า ควรจะไปที่หนองน้ำนั้นโดยทางไหนหนอ การไม่แสวงหาหนองน้ำนั้น ไม่ใช่ความผิดของหนองน้ำ เป็นความผิดของบุรุษผู้นั้นผู้เดียว ฉันใด เมื่อหนองน้ำใหญ่คือ อมตธรรม ซึ่งเป็นเครื่องชำระมลทิน คือกิเลสมีอยู่ การไม่แสวงหาหนองน้ำใหญ่คืออมตธรรมนั้น นั่นไม่ใช่ความผิดของหนองน้ำใหญ่คืออมตธรรม เป็นความผิดของบุรุษผู้นั้นผู้เดียว ก็ฉันนั้นเหมือนกัน

    (ผู้มีปัญญา คือท่านสุเมธบัณฑิต เห็นความน่ารังเกียจของอกุศล เหมือนความน่ารังเกียจของอุจจาระ และมีความรู้สึกว่ากำลังจมลงในกองอุจจาระด้วย เพราะว่าวันหนึ่งๆ กิเลสมากอกุศลมาก และถ้าเห็นกิเลสอกุศลดุจกองอุจจาระ วันนี้จมลงไปเท่าไรในกองอุจจาระ และมีหนองน้ำซึ่งจะชำระมลทิน คือกิเลสด้วย ฉะนั้นผู้ที่ต้องการจะพ้นจากการจมลงในกองอุจจาระจึงหาทางที่จะไปสู่หนองน้ำนั้น ถ้าระลึกได้อย่างนี้บ่อยๆ และพิจารณาจริงๆ ก็จะไม่ขาดการฟังพระธรรม การพิจารณาพระธรรม การระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ แต่ก็ต้องอาศัย พระธรรมที่พระองค์ทรงแสดงไว้ แม้ในครั้งที่พระโพธิสัตว์เป็นสุเมธบัณฑิต และคิดถึงโทษของอกุศลและสังสารวัฏฏ์)

    ท่านสุเมธบัณฑิตคิดแม้ประการอื่นว่า อนึ่ง บุรุษผู้ถูกโจรล้อมไว้ เมื่อทางหนีแม้มีอยู่ ถ้าบุรุษนั้นไม่หนีไปเสีย นั่นก็ไม่ใช่ความผิดของทางนั้น เป็นความผิดของบุรุษนั้นผู้เดียว ฉันใด บุรุษที่ถูกพวกโจรคือกิเลสล้อมจับไว้ เมื่อทางใหญ่อันรุ่งเรืองที่จะไปยังมหานครคือพระนิพพาน แม้มีอยู่ ก็ไม่แสวงหาทางนั้น ก็ไม่ใช่ความผิดของทาง เป็นความผิดของบุรุษนั้นแต่ผู้เดียว ก็ฉันนั้นเหมือนกัน (พระผู้มีพระภาคทรงแสดงพระธรรมเพื่อให้เห็นโทษของอกุศล โดยประการอื่นอีก คือ นอกจากจมลงในกองอุจจาระ ก็ยังเหมือนกับถูกกิเลส คือโจรล้อมไว้อย่างหนาแน่น ฉะนั้นจึงขึ้นอยู่กับว่าจะหนีโจร หรือว่ายังคงให้โจรคือกิเลสรุมล้อมอย่างหนาแน่นต่อไป)

    บุรุษถูกความเจ็บป่วยบีบคั้น เมื่อหมอที่จะเยียวยาความเจ็บป่วย มีอยู่ ถ้าไม่แสวงหาหมอนั้น ไม่ยอมให้หมอนั้นเยียวยาความเจ็บป่วย นั่นไม่ใช่ความผิดของหมอ เป็นความผิดของบุรุษนั้นแต่ผู้เดียว ฉันใด ก็ผู้ใดถูกความเจ็บป่วย คือ กิเลสบีบคั้นหนัก ไม่แสวงหาศาสดาผู้ฉลาดในทางระงับกิเลสซึ่งมีอยู่ ก็เป็นความผิดของบุรุษผู้นั้นผู้เดียว ไม่ใช่ความผิดของศาสดาผู้ขจัดความเจ็บป่วย คือกิเลส ก็ฉันนั้นเหมือนกัน (กำลังเจ็บป่วยทางจิตแต่ก็ไม่รู้ เพราะฉะนั้นก็ไม่แสวงหาศาสดา)


    หมายเลข 2146
    3 ก.ย. 2565