พระธรรมเทศนาย่อๆ ว่า ให้ตามรู้ใจ


    พระคุณเจ้า ตาที่มองเห็น เกิดเห็นแล้วจะดับกิเลสได้หรือโยม

    สุ . พระคุณเจ้ามีความสงสัยว่า กำลังเห็น มีทางที่จะทำให้ดับกิเลสได้หรือ ก็เพราะสติระลึกได้ ถ้าระลึกบ่อยๆ เนืองๆ ถึงมีความชอบใจไม่ชอบใจ สติตามรู้ว่าขณะนั้นก็เป็นแต่เพียงนามธรรมเท่านั้น ก็หมดไปแล้ว มีนามอื่น รูปอื่นที่สติระลึกต่อไปอีก ต้องรู้ความจริงจึงจะดับกิเลสได้ แต่ถ้ายังหลบๆ หลีกๆ สติก็ระลึกไม่ได้ ในขณะที่ชอบใจไม่ชอบใจ ขณะนั้นไม่สามารถที่จะละการยึดถือสภาพธรรมนั้นว่า เป็นตัวตน เป็นสัตว์ เป็นบุคคลได้

    พระคุณเจ้า การรักษาใจอย่างเดียวนี่จะ ... ..

    สุ . รักษาใจ ใจก็อยู่ทั้งทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกายด้วย เมื่อ ตามรู้ที่ใจ ท่านเห็น ท่านก็รู้ว่าเป็นใจที่เห็น ท่านได้ยิน ท่านก็รู้ว่าเป็นใจที่เป็นสภาพรู้เสียง ทางจมูก เวลาที่ได้กลิ่นก็เป็นใจที่รู้กลิ่น และเวลาที่ท่านรู้สภาพของนามธรรมก็เพราะมีรูปธรรมเป็นปัจจัยทำให้เกิดขึ้นด้วย

    เพราะฉะนั้น ท่านก็แทงตลอดในลักษณะของสภาพธรรมที่ไม่ใช่ตัวตน ด้วยการรู้ลักษณะของใจทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย พร้อมทั้งรู้ปัจจัย คือ สี เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดใจนั้นด้วย เพราะฉะนั้น ท่านก็แทงตลอดในสภาพธรรมทั้งนามและรูป เป็นญาณต่างๆ เพราะว่าใจทางตาก็มี และก็มีปัจจัยของใจทางตา ใจทางหูก็มี และก็มีปัจจัยของใจทางหู และท่านก็รู้ลักษณะของนามธรรมและรูปธรรมทั้ง ๖ ทางด้วย เพียงพระธรรมเทศนาย่อๆ ว่า ให้ตามรู้ใจเพราะว่าไม่ได้มีแต่ใจอย่างเดียว

    ใจทางตาก็อย่างหนึ่ง ใจทางหูก็อย่างหนึ่ง เพราะฉะนั้น ทรงโอวาทให้สติเกิดอีก ให้ปรารภบ่อยๆ กิเลสมีทั้งทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ ถ้าข้าม เว้นทางตา ทางตาก็ยังคงหมักดองกิเลส สะสมไว้อยู่เรื่อยไป ต้องรู้ ถ้าไม่รู้ก็ละไม่ได้ และทุกข์ก็ที่ตา ที่หู ที่จมูก ที่ลิ้น ที่กาย ที่ใจนี่เอง จะกล่าวว่า ทางตาไม่เป็นทุกข์ หูไม่เป็นทุกข์ จมูกไม่เป็นทุกข์ ลิ้น กาย ใจไม่เป็นทุกข์ไม่ได้ และที่จะรู้ได้ก็เพราะสติระลึก

    แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 238


    หมายเลข 14257
    28 พ.ย. 2568