สังขิตตสูตร


    อังคุตตรนิกาย อัฏฐกนิบาต สังขิตตสูตร ข้อ ๑๖๐ มีข้อความว่า

    ครั้งนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งได้เข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ

    บุคคลที่มีชีวิตอยู่ในพระไตรปิฎก ที่ยังไม่เป็นพระอริยบุคคล ยังไม่ปรินิพพาน จะอยู่ที่ไหนในสมัยนี้ เพราะฉะนั้น ก็คิดถึงสภาพของจิตของบุคคล แม้ในครั้งนี้และ ในครั้งนั้นก็ไม่ต่างกัน แม้ภิกษุรูปนี้

    ครั้นแล้วได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า

    ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอประทานพระวโรกาส ขอพระผู้มีพระภาคโปรดแสดงธรรมโดยย่อแก่ข้าพระองค์ …

    ถูกใจไหม ท่านที่อยากจะฟังพระธรรมย่อๆ แม้ในครั้งนั้นก็มีภิกษุที่ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า

    ขอพระผู้มีพระภาคโปรดทรงแสดงธรรมโดยย่อแก่ข้าพระองค์ ที่ข้าพระองค์ ได้ฟังแล้ว พึงเป็นผู้หลีกออกจากหมู่ อยู่ผู้เดียว ไม่ประมาท มีความเพียร มีใจเด็ดเดี่ยวอยู่เถิด

    เวลาที่ไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค และทูลขอให้พระองค์ทรงแสดงธรรม จะให้พระองค์ทรงแสดงธรรมเปล่าๆ หรือเพื่อที่จะปฏิบัติตามด้วย

    นี่เป็นสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่ควรจะสังเกตว่า แม้แต่ผู้ที่ไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค และขอให้ทรงแสดงธรรม แต่ถ้าไม่ประพฤติปฏิบัติตาม จะเสียเวลาของ พระผู้มีพระภาคไหม ที่เมื่อแสดงแล้วก็ยังไม่ได้ประพฤติปฏิบัติตาม

    เพราะฉะนั้น การฟังพระธรรมก็เหมือนกัน อย่าให้เป็นการเสียเปล่า เหมือนกับว่าได้เข้าไปเฝ้าและขอให้ทรงแสดง และเพื่อที่พระองค์จะได้ไม่ทรงแสดงเปล่าๆ จึงต้องประพฤติตามที่ทรงแสดงด้วย แม้ว่าจะทรงแสดงโดยย่อสักเพียงใด ก็ตาม แต่สิ่งที่ทรงแสดงโดยย่อ ต้องปฏิบัติกันตลอดชีวิต ทุกชาติ จนกว่าจะรู้แจ้งสภาพธรรมตามความเป็นจริง

    พระผู้มีพระภาคตรัสว่า

    โมฆบุรุษบางพวกในโลกนี้ ย่อมเชื้อเชิญเราโดยหาเหตุมิได้ เมื่อเรากล่าว ธรรมแล้ว ย่อมสำคัญเราว่าควรติดตาม ด้วยคิดว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระผู้มีพระภาคโปรดแสดงธรรมโดยย่อแก่ข้าพระองค์ ขอพระสุคตโปรดแสดงธรรมโดยย่อ ไฉนหนอเราพึงรู้ทั่วถึงเนื้อความแห่งภาษิตของพระองค์ ไฉนหนอเราพึงเป็นทายาทแห่งภาษิตของพระองค์

    เพราะฉะนั้นแหละภิกษุ เธอพึงศึกษาอย่างนี้ว่า จิตของเราจักตั้งมั่น ดำรงอยู่ด้วยดีในภายใน และธรรมอันเป็นบาปอกุศลที่เกิดขึ้นแล้ว จักไม่ครอบงำจิตได้ดูกร ภิกษุ เธอพึงศึกษาอย่างนี้แล

    นี่โดยย่อ คือ ให้ตั้งมั่นดำรงอยู่ด้วยดี คือ ให้เป็นกุศล อย่าให้เป็นอกุศล

    พระผู้มีพระภาคตรัสต่อไปว่า

    ดูกร ภิกษุ เมื่อใดจิตของเธอเป็นจิตตั้งมั่นดำรงอยู่ด้วยดีแล้วในภายใน และธรรมอันเป็นบาปอกุศลที่เกิดขึ้นแล้วไม่ครอบงำจิตได้ เมื่อนั้นเธอพึงศึกษาอย่างนี้ว่า เราจักเจริญกระทำให้มากซึ่งเมตตาเจโตวิมุตติ ทำให้เป็นดุจยาน ทำให้เป็นที่ตั้ง ให้มั่นคง สั่งสม ปรารภดีแล้ว ดูกร ภิกษุ เธอพึงศึกษาอย่างนี้แล

    นี่เป็นความสำคัญของการเจริญเมตตา ซึ่งไม่พ้นจากการเจริญสติปัฏฐาน และที่พระผู้มีพระภาคตรัสให้ภิกษุนั้นปฏิบัติ แม้ว่าจะโดยย่อ สั้น แต่การปฏิบัติของผู้รับฟังพระธรรมโอวาทโดยย่อนั้น จะปฏิบัติตามได้อย่างมั่นคงแค่ไหน นี่เป็นสิ่งที่ พุทธบริษัทจะต้องน้อมรับพระธรรมมาประพฤติปฏิบัติด้วยความเคารพ

    พระผู้มีพระภาคได้ตรัสให้ภิกษุรูปนั้นเจริญเมตตาพรหมวิหาร จนถึงรูปฌาน คือ ปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌาน จตุตถฌาน และให้เจริญกรุณา มุทิตา และอุเบกขาพรหมวิหารถึงปัญจฌาน แต่เป็นการอบรมเจริญสติปัฏฐานด้วย เพราะว่า พระธรรมทั้งหมดที่ทรงแสดงไม่พ้นจากการเจริญสติปัฏฐาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ การเจริญเมตตาก็ตาม

    แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 1607


    หมายเลข 14103
    29 พ.ย. 2568