เวลามสูตร


    อังคุตตรนิกาย นวกนิบาต เวลามสูตรที่ ๑๐ ข้อ ๒๒๔ มีข้อความที่

    พระผู้มีพระภาคตรัสกับท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี สมัยที่พระองค์เป็นเวลามพราหมณ์ ในครั้งนั้นไม่มีพระอริยบุคคลที่จะถวายทานได้ แต่กุศลไม่ใช่มีแต่ทานเท่านั้น ไม่ว่าในกาลสมัยใด ไม่ว่าในกาลที่มีพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระอริยเจ้าทั้งหลาย หรือในสมัยที่แม้ไม่มีพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระอริยเจ้าแล้ว กุศลก็ไม่ควรที่จะเป็นไปเพียงในขั้นของทานอย่างเดียว

    ข้อความใน เวลามสูตร มีว่า

    การที่บุคคลเจริญเมตตาจิต โดยที่สุดแม้เพียงเวลาสูดดมของหอม มีผลมากกว่าการที่บุคคลมีจิตเลื่อมใสสมาทานสิกขาบท

    นี่เป็นการแสดงให้เห็นถึงกุศลที่มีกำลังเพิ่มขึ้น เช่น เมตตา แม้เพียงเวลาสูดดมของหอม มีผลมากกว่าการที่บุคคลมีจิตเลื่อมใสสมาทานสิกขาบท

    ขณะที่ตั้งใจสมาทานศีลซึ่งเป็นชีวิตประจำวัน เพราะทุกคนที่มีพระรัตนตรัย เป็นสรณะ ย่อมจะต้องประพฤติปฏิบัติตามแม้ศีล ๕ ข้อเท่าที่จะกระทำได้ เมื่อมีความเลื่อมใสที่จะสมาทานรักษาสิกขาบท คือ ศีล ๕ ในขณะนั้นต้องรู้ว่า การที่จะไม่ล่วงศีลได้ เพราะไม่โกรธหรือไม่มีโทสะ ถ้าปราศจากเมตตา เกิดโทสะขึ้นขณะใด จะล่วงสิกขาบทข้อหนึ่งข้อใดใน ๕ ข้อได้ แต่ขณะใดที่เมตตาเกิด จะไม่ล่วงศีล

    การที่บุคคลสมาทานสิกขาบท แสดงว่ามีเจตนาที่จะไม่ล่วงศีล แต่ที่จะ ไม่ล่วงศีลได้ต้องเพราะเมตตา ขาดเมตตาขณะใด ขณะนั้นล่วงศีล เพราะฉะนั้น สภาพธรรมจริงๆ ที่จะทำให้รักษาศีล ๕ ได้ คือ เมตตา [แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 1606]

    การเจริญเมตตาจิตโดยที่สุดแม้เพียงเวลาสูดดมของหอม มีผลมากกว่าการที่บุคคลมีจิตเลื่อมใสสมาทานสิกขาบท

    เพราะว่าสมาทานได้ แต่ถึงเวลาเผชิญหน้าจริงๆ กับเหตุการณ์และอารมณ์ ที่ปรากฏ จะล่วงศีลหรือไม่ล่วงศีล ถ้าเป็นผู้ที่มีเมตตาในขณะนั้น ไม่ล่วงศีล แต่ถ้าไม่มีเมตตา แม้สมาทานแล้ว ก็ยังล่วงศีลได้

    การที่บุคคลมีจิตเลื่อมใสสมาทานสิกขาบท มีผลมากกว่าการมีจิตเลื่อมใสถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะ

    แสดงให้เห็นถึงความละเอียดของการมีพระรัตนตรัยเป็นสรณะ เพราะว่า บางท่านถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะ เพียงด้วยการกล่าวตาม ว่าเป็นผู้ที่ถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะ แต่จริงๆ แล้ว ต้องเข้าใจในพระพุทธคุณ ในพระธรรมคุณ ในพระสังฆคุณ ต้องศึกษาพระธรรมให้เข้าใจว่า สรณะจริงๆ นั้น คือ พระธรรม คำสอนที่ทำให้เข้าใจสภาพธรรมถูกต้องตามความเป็นจริง รู้ว่าขณะใดเป็นอกุศล ขณะใดเป็นกุศล และ รู้เหตุ รู้ผล รู้ลักษณะของสภาพธรรมที่ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน ละเอียดขึ้น ทำให้เพิ่มความรู้ความเข้าใจที่จะทำให้มีพระรัตนตรัยเป็นสรณะจริงๆ แต่ถ้าเพียงมีพระรัตนตรัยเป็นสรณะโดยไม่สมาทานสิกขาบท หรือโดยไม่เจริญเมตตาจิต ก็ไม่พอ เพราะว่าเป็นการถึงโดยการกล่าวตามเท่านั้น

    การมีจิตเลื่อมใส ถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะ มีผลมากกว่าการสร้างวิหาร ถวายสงฆ์อันมาจากจตุรทิศ

    พระสงฆ์ที่ท่านมาจากทิศต่างๆ เพื่อที่จะได้ฟังพระธรรม เพื่อที่จะได้อบรมเจริญปัญญา และมีผู้ที่มีศรัทธาสร้างวิหารถวาย ในขณะนั้นก็เป็นทานกุศลซึ่งเกิด แต่ไม่บ่อย และไม่นาน แต่จิตซึ่งเกิดดับเป็นประจำวันที่จะไม่ให้เป็นไปใน การเบียดเบียนบุคคลอื่น หรือให้เป็นไปในการเจริญกุศลยิ่งขึ้นด้วยเมตตา ย่อมมีมากกว่าการที่เพียงสร้างวิหารถวายสงฆ์ซึ่งมาจากจตุรทิศ เพราะบางคนมักจะคิดว่า ทำบุญอย่างไรถึงจะได้อานิสงส์มาก จะสร้างวิหารดี หรือจะถวายทานดี หรือ จะทำอะไรดี แต่ลืมว่าการสร้างวิหารก็ดี เดี๋ยวเดียว เดี๋ยวเดียวที่นี่ไม่ได้หมายความว่า ๑ นาที ๒ นาที ๓ วัน ๔ วัน แต่เทียบกับวันหนึ่งๆ ที่จะมีการทำบุญด้วยทาน ด้วยวัตถุที่เป็นทาน หรือการสร้างวิหาร ก็ยังจบยังสิ้น แต่จิตใจของทุกคนในทุกวัน ซึ่งไม่จบ และขณะใดที่ไม่ได้ให้ทานวัตถุ หรือวันใด เดือนใด ปีใดที่ไม่ได้สร้างวิหาร จิตเป็นอะไร เพราะฉะนั้น เรื่องของจิตแต่ละขณะย่อมสำคัญกว่าที่จะต้องระลึกว่า

    การเจริญเมตตาจิตแม้ที่สุดเพียงสูดดมของหอม มีผลมากกว่าการที่บุคคลมี จิตเลื่อมใสสมาทานสิกขาบท

    การที่บุคคลมีจิตเลื่อมใสสมาทานสิกขาบท มีผลมากกว่าการมีจิตเลื่อมใส ถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะ

    การมีจิตเลื่อมใสถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะ มีผลมากกว่าการสร้างวิหาร ถวายสงฆ์อันมาจากจตุรทิศ

    การสร้างวิหารถวายสงฆ์อันมาจากจตุรทิศ มีผลมากกว่าทานที่ถวายแก่พระภิกษุสงฆ์ มีพระผู้มีพระภาคเป็นประมุขบริโภค

    การถวายทานแก่พระภิกษุสงฆ์ มีพระผู้มีพระภาคเป็นประมุขบริโภค มีผลมากกว่าการถวายทานที่บุคคลถวายให้พระผู้มีพระภาคเสวย

    การถวายทานที่บุคคลถวายให้พระผู้มีพระภาคเสวย มีผลมากกว่าทาน ที่ถวายแก่พระปัจเจกพุทธเจ้า ๑๐๐ องค์บริโภค

    การถวายทานแก่พระปัจเจกพุทธเจ้า ๑๐๐ องค์ มีผลมากกว่าทานที่ถวายแก่พระปัจเจกพุทธเจ้า ๑ องค์

    การถวายทานแก่พระปัจเจกพุทธเจ้า ๑ องค์ มีผลมากกว่าการถวายทานแก่พระอรหันต์ ๑๐๐ องค์

    การถวายทานแก่พระอรหันต์ ๑๐๐ องค์ มีผลมากกว่าการถวายทานแก่ พระอรหันต์ ๑ องค์

    การถวายทานแก่พระอรหันต์ ๑ องค์ มีผลมากกว่าการถวายทานแก่ พระอนาคามี ๑๐๐ องค์

    นี่เป็นเรื่องของจิต ซึ่งถ้าย้อนกลับไปถึงทานทั้งหมด ก็ยังไม่เท่ากับการที่ บุคคลเจริญเมตตาจิตโดยที่สุดแม้เวลาสูดดมของหอม และเมตตา คือ อโทสเจตสิก

    แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 1607


    หมายเลข 14108
    29 พ.ย. 2568