วันหนึ่งๆ หลงลืมสติบ่อย


    วันหนึ่งๆ หลงลืมสติบ่อย แต่สติก็เกิดแทรก ไม่ว่าจะเป็น ณ สถานที่ใด หรือว่า ขณะนั้นกำลังเป็นกุศลจิต หรืออกุศลจิตอย่างใด รูปธรรมใด นามธรรมใดกำลังมีปัจจัยเกิดขึ้นปรากฏ สัมมาสติสามารถจะเกิดระลึกรู้แทรกทั่วไปในสภาพของนามธรรมและรูปธรรมที่กำลังปรากฏ เพราะมีปัจจัย คือ ความเข้าใจถูกในข้อปฏิบัติที่ได้ยินได้ฟัง พิจารณาแล้วรู้ว่า ลักษณะของสัมมาสติ คือ กำลังรู้ตรงลักษณะปรมัตถธรรมทางตา หรือทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ

    ถ้ารู้ลักษณะของสัมมาสติ วันหนึ่งๆ ก็รู้ ขณะที่สติเกิด ก็รู้ตรงลักษณะสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ แล้วก็หลงลืมสติไป แล้วสติก็เกิดอีก ระลึกรู้ตรงลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ ก็เป็นเรื่องของสัมมาสติที่เกิดขึ้นก็รู้ ดับแล้วก็หมดไป แล้วก็หลงลืมสติ แล้วเวลาสัมมาสติเกิดอีก สัมมาสติก็ระลึกรู้ตรงปรมัตถธรรมที่ไม่ใช่สัตว์ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน แล้วแต่ว่าสัมมาสติจะเกิดเมื่อไร ขณะใด ก็เป็นอนัตตา

    มีพระคุณเจ้ารูปหนึ่งซึ่งท่านเคยปฏิบัติหลายแบบมาแล้ว ในที่สุดท่านก็กล่าวว่าการเจริญมรรคมีองค์ ๘ สติปัฏฐานนั้น ต้องอาศัยการฟัง การพิจารณา การสังเกต การสำเหนียก การรู้ในขณะที่สติเกิดปรากฏ จึงรู้ว่า คำว่าปฏิบัติธรรม หรือว่าภาวนานั้น คือ การอบรมเจริญเนืองๆ บ่อยๆ จนกระทั่งเป็นความรู้ที่เพิ่มขึ้น แต่ไม่ใช่เป็นการไปทำด้วยความเป็นตัวตน แต่เป็นปัญญาที่เริ่มจากการฟัง และเข้าใจลักษณะของสัมมาสติ เป็นปัจจัยให้สติเกิดขึ้น สำเหนียก ระลึกรู้ว่า ขณะนั้นสติเกิด เป็นอนัตตา และสิ่งที่ปรากฏก็เป็นแต่เพียงนามธรรมและรูปธรรมเท่านั้น นี่จึงจะเป็นการเจริญอบรมมรรคมีองค์ ๘ ซึ่งเป็นการเจริญอบรมสติปัฏฐาน [แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 319]


    หมายเลข 13867
    28 ก.ค. 2568