คุณของหิริโอตตัปปะ
สำหรับผู้ที่เห็นประโยชน์ของหิริโอตตัปปะ ย่อมกล่าวคุณของหิริโอตตัปปะ ซึ่งเป็นธรรมที่ถอยกลับจากอกุศล ขณะใดที่ไม่รังเกียจ ไม่กลัว ก็ยังคงเป็นไปกับอกุศลอยู่ตลอดเวลา แต่ขณะใดที่ระลึกได้ รังเกียจและกลัว ขณะนั้นจะถอยกลับจากอกุศล เพราะฉะนั้น ไม่ใช่เป็นเรื่องการพิจารณายาวนาน แต่ขณะใดก็ตามที่กุศลจิตเกิด ขณะนั้นหิริโอตตัปปะกระทำกิจของหิริโอตตัปปะ คือ ถอยกลับจากอกุศล
อังคุตตรนิกาย สัตตกนิบาต หิรีมาสูตร ข้อ ๓๐ มีข้อความว่า
ดูกร ภิกษุทั้งหลาย เมื่อคืนนี้ เมื่อปฐมยามล่วงไปแล้ว เทวดาตนหนึ่งมีผิวพรรณงาม ยังวิหารเชตวันทั้งสิ้นให้สว่างไสวแล้ว เข้ามาหาเราถึงที่อยู่ ไหว้เรา แล้วยืน ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้กล่าวกะเราว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ธรรม ๗ ประการนี้ ย่อมเป็นไปเพื่อความไม่เสื่อมแก่ภิกษุ ๗ ประการเป็นไฉน คือ ความเป็นผู้เคารพในพระศาสดา ๑ ความเป็นผู้เคารพในธรรม ๑ ความเป็นผู้เคารพในสงฆ์ ๑ ความเป็นผู้เคารพในสิกขา ๑ ความเป็นผู้เคารพในสมาธิ ๑ ความเป็นผู้เคารพในหิริ ๑ ความเป็นผู้เคารพในโอตตัปปะ ๑ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ธรรม ๗ ประการนี้แล ย่อมเป็นไปเพื่อความไม่เสื่อมแก่ภิกษุ
เทวดานั้นครั้นกล่าวดังนี้แล้ว ไหว้เรา กระทำประทักษิณ แล้วหายไป ณ ที่นั้นเอง ฯ
ภิกษุผู้มีความเคารพในพระศาสดา มีความเคารพในธรรม มีความเคารพ อย่างแรงกล้าในสงฆ์ มีความเคารพในสมาธิ มีความเพียร มีความเคารพอย่าง แรงกล้าในสิกขา ถึงพร้อมด้วยหิริและโอตตัปปะ มีความเคารพ ยำเกรง เป็นผู้ไม่ควรเพื่อความเสื่อม ย่อมมีในที่ใกล้นิพพานทีเดียว ฯ
ก็คงจะเห็นประโยชน์ของหิริโอตตัปปะ ซึ่งเป็นความรังเกียจและกลัวอกุศลธรรม
ถ . ที่ว่ามีความเคารพในสมาธินั้น เคารพอย่างไร คงไม่ใช่ทำให้เป็นฌานก่อน
สุ. สมาธิ คือ สัมมาสมาธิ จะใช้ในหมายความว่า การเจริญสมถภาวนา ก็ได้ ถ้าเข้าใจธรรมสอดคล้องกันทั้ง ๓ ปิฎก คงจะไม่มีข้อสงสัยเวลาที่กล่าวถึงสมาธิ ซึ่งต้องมุ่งหมายถึงสัมมาสมาธิแต่ละขั้นตามความสามารถ
การศึกษาธรรมต้องละเอียด ถ้าได้ยินว่า สมาธิ คำเดียว ก็จะทำสมาธิ หรืออยากทำสมาธิ นั่นผิดทันที เพราะไม่รู้ว่าสมาธินั้นต้องหมายความถึงสัมมาสมาธิ แต่ละระดับขั้น [แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 1584]
