ทารุกัมมิกสูตร
ในครั้งกระโน้นมีผู้ที่นับถือคำสอนอื่นมาก เพราะฉะนั้น ท่านเหล่านั้นก็ให้ทาน บำรุงปริพาชกเดียรถีย์ต่างๆ จิตใจของท่านเหล่านั้นจะรู้เรื่องของการละคลายกิเลส การชำระจิตให้หมดจดจากกิเลส หนทางที่จะละโลภะ โทสะ โมหะให้หมดสิ้นไป ท่านเหล่านั้นจะรู้ไหมในเมื่อไม่ได้ฟังธรรม ไม่มีความเลื่อมใสในพระธรรม มีความเลื่อมใสศรัทธาในคำสอนอื่น เพราะฉะนั้น ก็ไม่รู้หนทางที่จะทำให้จิตหมดจดจากกิเลสได้ การส่งเสริมท่านเหล่านั้น ก็ป็นการส่งเสริมกิเลสนั่นเอง
พระผู้มีพระภาคจึงทรงแสดงว่า การถวายทานแก่ผู้มีศีลมีผลมาก และมีพระสูตรอื่นๆ อีก ซึ่งเป็นความละเอียดที่ท่านผู้ฟังจะต้องพิจารณาให้รอบคอบด้วย
ข้อความใน อังคุตตรนิกาย ฉักกนิบาต ทารุกัมมิกสูตร มีข้อความว่า
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ที่ปราสาทสร้างด้วยอิฐ ใกล้นาทิกคาม ครั้งนั้น คฤหบดีชื่อ ทารุกัมมิกะ เป็นพ่อค้าฟืน เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายบังคมแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
ครั้นแล้วพระผู้มีพระภาคได้ตรัสถามว่า
ดูกร คฤหบดี ทาน ในสกุลท่านยังให้อยู่หรือ
ทารุกัมมิกะคฤหบดีกราบทูลว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ยังให้อยู่ และทานนั้นแล ข้าพระองค์ให้ในภิกษุผู้เป็นอรหันต์ หรือผู้บรรลุอรหัตตมรรค ผู้ถืออยู่ป่าเป็นวัตร ผู้ถือเที่ยวบิณฑบาตเป็นวัตร ผู้ถือผ้าบังสุกุลเป็นวัตร
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ดูกร คฤหบดี ท่านผู้เป็นคฤหัสถ์ บริโภคกาม อยู่ครองเรือน นอนเบียดเสียดบุตร บริโภคจันทน์แคว้นกาสี ทัดทรงดอกไม้ของหอมและเครื่องลูบไล้ ยินดีทองและเงินอยู่ พึงรู้ข้อนี้ได้ยากว่า ภิกษุเหล่านี้เป็นพระอรหันต์ หรือเป็นผู้บรรลุอรหัตตมรรค
ดูกร คฤหบดี ถ้าแม้ภิกษุผู้ถืออยู่ป่าเป็นวัตร เป็นผู้ฟุ้งซ่าน ถือตัว เห่อ ปากกล้า พูดพล่าม มีสติเลอะเลือน ไม่มีสัมปชัญญะ มีใจไม่ตั้งมั่น มีจิตพลุ่งพล่าน ไม่สำรวมอินทรีย์ เมื่อเป็นอย่างนี้ ภิกษุนั้นพึงถูกติเตียนด้วยเหตุนั้น
ถ้าแม้ภิกษุผู้ถืออยู่ป่าเป็นวัตร เป็นผู้ไม่ฟุ้งซ่าน ไม่ถือตัว ไม่เห่อ ไม่ปากกล้า ไม่พูดพล่าม มีสติตั้งมั่น มีสัมปชัญญะ มีใจตั้งมั่น มีจิต มีอารมณ์เป็นหนึ่ง สำรวมอินทรีย์ เมื่อเป็นอย่างนี้ ภิกษุนั้นพึงได้รับสรรเสริญด้วยเหตุนั้น
ถ้าแม้ภิกษุผู้อยู่ใกล้บ้านเป็นผู้ฟุ้งซ่าน ถือตัว เห่อ ปากกล้า พูดพล่าม มีสติเลอะเลือน ไม่มีสติสัมปชัญญะ มีใจไม่ตั้งมั่น มีจิตพลุ่งพล่าน ไม่สำรวมอินทรีย์ เมื่อเป็นอย่างนี้ ภิกษุนั้นพึงถูกติเตียนด้วยเหตุนั้น
ถ้าแม้ภิกษุผู้อยู่ใกล้บ้าน เป็นผู้ไม่ฟุ้งซ่าน ไม่ถือตัว ไม่เห่อ ไม่ปากกล้า ไม่พูดพล่าม มีสติตั้งมั่น มีสัมปชัญญะ มีใจตั้งมั่น มีจิต มีอารมณ์เป็นหนึ่ง สำรวมอินทรีย์ เมื่อเป็นอย่างนี้ ภิกษุนั้นพึงได้รับสรรเสริญด้วยเหตุนั้น
คือ ไม่จำกัดว่า จะต้องเป็นภิกษุผู้ถืออยู่ป่าเป็นวัตร หรือเป็นผู้ที่อยู่ใกล้บ้าน แล้วแต่ความประพฤติ การปฏิบัติ
พระผู้มีพระภาคตรัสต่อไปว่า
ถ้าแม้ภิกษุผู้ถือเที่ยวบิณฑบาตเป็นวัตร หรือถ้าแม้ภิกษุผู้ถือรับนิมนต์เป็นวัตร หรือถ้าแม้ภิกษุผู้ถือผ้าบังสุกุลเป็นวัตร หรือถ้าแม้ภิกษุผู้ทรงคฤหบดีจีวร ก็แล้วแต่ว่าจะเป็นผู้ฟุ้งซ่านหรือไม่ฟุ้งซ่าน จะได้รับคำติเตียน หรือคำสรรเสริญตามสมควรแก่เหตุ
ดูกร คฤหบดี เชิญท่านให้สังฆทานเถิด เมื่อท่านให้สังฆทานอยู่ จิตจักเลื่อมใส ท่านนั้นเป็นผู้มีจิตเลื่อมใส เมื่อตายไปจักเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์
คฤหบดี ชื่อ ทารุกัมมิกะ ทูลสนองว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์นี้ จักให้สังฆทานตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
การให้สังฆทานแสดงความบริสุทธิ์ของจิตของผู้ให้ที่ไม่ติดในบุคคล ไม่เลือกในบุคคล แต่เรื่องสังฆทานก็มีปัญหาสำหรับผู้ที่ผูกพันในผล ในรูป ในเสียง ในกลิ่น ในรส ในโผฏฐัพพะ ในมนุษย์สมบัติ ในสวรรค์สมบัติ พอพูดถึงสังฆทาน รู้ว่ามีผลมาก จะได้รับคำถามว่า สังฆทานทำอย่างไร จะต้องซื้อชามอ่างใส่ข้าว มีกาละมัง มีถัง มีอะไรต่ออะไรบ้าง ถ้าขาดอย่างหนึ่งอย่างใดไปจะไม่ใช่สังฆทาน นี่เพื่ออะไร ผูกพันในผล แต่ไม่เข้าใจความหมายจริงๆ ว่า ทาน การให้ จะมีผลมากหรือน้อยนั้น ต้องแล้วแต่เหตุ คือ ความบริสุทธิ์ของจิต
ที่มา ... แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 174
เพราะฉะนั้น ที่ทารุกัมมิกะคฤหบดีกราบทูลว่า ท่านให้ทานในภิกษุผู้เป็น พระอรหันต์หรือผู้บรรลุอรหัตตมรรค ผู้ถืออยู่ป่าเป็นวัตร ผู้ถือเที่ยวบิณฑบาตเป็นวัตร ผู้ถือผ้าบังสกุลเป็นวัตรนั้น ก็เป็นการคาดคะเน เป็นความคิดของทารุกัมมิกะคฤหบดี ซึ่งพระผู้มีพระภาคได้ตรัสให้ทารุกัมมิกะคฤหบดีนั้นถวายสังฆทาน แทนที่จะเป็น ปาฏิปุคคลิกทาน คือ การถวายทานเจาะจงในบุคคล
สมัยนี้แสวงหาพระอรหันต์กันหรือเปล่า บางท่านก็กล่าวว่า ท่านผู้นั้นเป็น พระอรหันต์แน่ๆ หรือท่านผู้นั้นอยู่ป่า มีความประพฤติ มีข้อปฏิบัติที่สงบมาก ท่านผู้นี้เป็นพระอรหันต์แน่แล้ว แต่ผู้ที่จะได้รับประโยชน์จากพระธรรมวินัยนั้น ทุกสิ่งทุกประการที่ท่านจะกระทำต้องสมบูรณ์ด้วยเหตุผล
ท่านที่แสวงหาพระอรหันต์ หรือถ้าไม่สามารถที่จะแสวงหาพระอรหันต์ได้ ยากนัก ลำบากนัก ท่านก็อาจจะแสวงหาพระอนาคามี หรือพระสกทาคามี หรือพระโสดาบัน ก็ขอให้สอบทานจิตใจที่กำลังแสวงหาของท่านว่า ท่านแสวงหาพระอรหันต์หรือว่าพระอริยบุคคลท่านใดๆ นั้น เพื่ออะไร เพื่อจะถวายสังฆทานให้ได้ผลมากอย่างที่พระผู้มีพระภาคตรัสกับทารุกัมมิกะคฤหบดี หรือเพื่ออะไร
เพื่อให้มีวัตถุที่จะคุ้มครองรักษาท่านให้ปลอดภัย หรือเพื่อที่จะได้ฟังธรรม ได้เข้าใจธรรมที่เป็นข้อประพฤติปฏิบัติให้ชัดเจนถูกต้อง ไม่คลาดเคลื่อน เพื่อประโยชน์แก่ตัวท่านที่จะได้ประพฤติปฏิบัติตาม จะได้บรรลุคุณธรรมที่ถูกต้องด้วย
ที่มา ... แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 175