ทุติยอิสิทัตตสูตร
อีกตัวอย่างหนึ่งคล้ายๆ กัน สถานที่เดียวกัน และก็ท่านจิตตคฤหบดีอีกเช่นเคย
ใน สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค ทุติยอิสิทัตตสูตร มีข้อความว่า
ณ อัมพาฏกวนาราม ใกล้ราวป่ามัชฉิกาสณฑ์ ท่านจิตตคฤหบดีได้อาราธนาพระภิกษุเถระทั้งหลายให้ไปรับภัตตาหาร ก่อนที่ท่านจะถวายภัตตาหารท่านก็ได้ถามปัญหาพระเถระผู้เป็นประธาน คือถามว่า
เพราะอะไรมี ทิฏฐิต่างๆ จึงมี
ครั้งที่หนึ่ง พระเถระผู้เป็นประธานก็นิ่ง ครั้งที่สอง พระเถระผู้เป็นประธานก็นิ่ง แม้ครั้งที่สาม พระเถระผู้เป็นประธานก็นิ่ง
ท่านพระอิสิทัตตะเป็นผู้ใหม่กว่าทุกองค์ในภิกษุสงฆ์หมู่นั้น ท่านพระอิติทัตตะได้ขอโอกาสพระเถระผู้เป็นประธานเพื่อที่จะพยากรณ์ปัญหาของท่านจิตตคฤหบดี แล้วก็ได้ตอบท่านจิตตคฤหบดีว่า
เพราะสักกายทิฏฐิมี ทิฏฐิเหล่านั้นจึงมี
ท่านจิตตคฤหบดีก็ได้ซักถามต่อไปเพื่อความแจ่มแจ้งของธรรม คือ จิตตคฤหบดีได้ถามว่า
ก็สักกายทิฏฐิย่อมไม่เกิดนั้น มีได้อย่างไร
ท่านพระอิสิทัตตะตอบว่า
พระอริยสาวกในพระธรรมวินัยนี้ ผู้ได้สดับแล้ว ได้เห็นพระอริยเจ้า ฉลาดในธรรมของพระอริยเจ้า ไม่เห็นรูปโดยความเป็นตน ๑ ไม่เห็นตนโดยความมีรูป ๑ ไม่เห็นรูปในตน ๑ ไม่เห็นตนในรูป ๑
ต่อไปก็เป็นเรื่องของเวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ โดยนัยเดียวกัน
ซึ่งจิตตคฤหบดีเมื่อได้ฟังก็ทราบว่า ท่านพระอิสิทัตตะมีความเข้าใจที่ถูกต้องก็ถามท่านว่า
พระคุณเจ้าอิสิทัตตะมาจากไหน
ท่านพระอิสิทัตตะก็กล่าวว่า
มาจาก อวันตีชนบท
ท่านจิตตคฤหบดีก็ได้กราบเรียนถามต่อไปว่า
ข้าแต่ท่านผู้เจริญ กุลบุตรมีนามว่า อิสิทัตตะในอวันตีชนบท เป็นสหายที่ไม่เคยเห็นกันของข้าพเจ้าได้ออกบรรพชามีอยู่ พระคุณเจ้าได้เห็นท่านหรือไม่
ท่านพระอิสิทัตตะก็ได้กล่าวตอบว่า
ได้เห็น คฤหบดี
ท่านจิตตคฤหบดีกล่าวว่า
ข้าแต่ท่านผู้เจริญ เดี๋ยวนี้ท่านผู้มีอายุรูปนั้นอยู่ที่ไหนหนอ
เมื่อจิตตคฤหบดีได้ถามอย่างนี้ ท่านพระอิติทัตตะก็ได้นิ่งอยู่ ซึ่งจิตตคฤหบดีก็เข้าใจได้ เพราะฉะนั้น จิตตคฤหบดีก็ได้กล่าวว่า
ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ท่านอิสิทัตตะของข้าพเจ้า คือ พระคุณเจ้าหรือ
ซึ่งท่านพระอิสิทัตตะก็ได้กล่าวตอบว่า
ใช่ละ คฤหบดี
แล้วต่อจากนั้นท่านจิตตคฤหบดีก็ได้ขอให้ท่านพระอิสิทัตตะพำนัก ณ อัมพาฏกวนารามที่น่ารื่นรมย์ ใกล้ราวป่ามัจฉิกาสณฑ์ และท่านก็จะบำรุงด้วยจีวร ด้วยบิณฑบาต เสนาสนะ คิลานเภสัชบริขาร
ท่านอิสิทัตตะกล่าวจิตตคฤหบดีว่า
ดูกร คฤหบดี ท่านกล่าวดีแล้ว
ซึ่งจิตตคฤหบดีก็ชื่นชมอนุโมทนาภาษิตของท่านพระอิสิทัตตะ ต่อจากนั้นก็ได้อังคาสภิกษุให้อิ่มหนำสำราญด้วยภัตตาหารอย่างประณีต
พระเถระผู้เป็นประธานเห็นปฏิภาณของท่านพระอิสิทัตตะ ก็ได้ให้โอกาสท่านอิสิทัตตะว่า
ดีแล้วท่านอิสิทัตตะ ปัญหาข้อนั้นแจ่มแจ้งแก่ท่าน มิได้แจ่มแจ้งแก่ผม ต่อไปถ้าปัญหาเช่นนี้พึงมีมาแม้โดยประการอื่นในกาลใด ท่านนั่นแหละพึงกล่าวตอบปัญหาเช่นนั้น ในกาลนั้น
ครั้งนั้นท่านพระอิสิทัตตะ ได้เก็บเสนาสนะถือบาตรและจีวร เดินทางออกจากราวป่าชื่อมัจฉิโกสณฑ์ ไม่ได้กลับมาอีกเหมือนกับภิกษุรูปอื่นๆ ที่เดินทางจากไป ฉะนั้น
ตามที่เคยเข้าใจว่า จะต้องละปลิโพธเสียก่อนแล้วจึงจะเจริญสติปัฏฐานได้ ก็จะเห็นได้จากพระไตรปิฎกว่า ไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะเหตุว่าถึงแม้จะเป็นพระภิกษุอยู่ในป่า บางท่านก็ยังคงมีลาภปลิโพธ
คำว่า ปลิโพธ หมายความว่า กังวล เมื่อท่านยังเป็นปุถุชนซึ่งยังมีความยินดี ความพอใจอยู่ จะละได้ก็ด้วยการเจริญสติ
ที่มา ...
