อุทัยสูตร เจริญกุศลบ่อยๆ


    ขอกล่าวถึง สังยุตตนิกาย สคาถวรรค อุทัยสูตรที่ ๒ ซึ่งในครั้งนั้น แม้พระผู้มีพระภาคเองก็ยังมีบุคคลที่เข้าใจผิดคิดว่า พระองค์เป็นผู้ที่ยังมีกิเลสอยู่ ข้อความในอุทัยสูตรที่ ๒ มีว่า

    สาวัตถีนิทาน ฯ

    ครั้งนั้นเวลาเช้า พระผู้มีพระภาคทรงนุ่งแล้ว ทรงถือบาตร และจีวร เสด็จเข้าไปยังที่อยู่ของอุทัยพราหมณ์ ฯ

    ลำดับนั้น อุทัยพราหมณ์เอาข้าวใส่บาตรถวายพระผู้มีพระภาคจนเต็ม ฯ

    แม้ครั้งที่ ๒ ในเวลาเช้า พระผู้มีพระภาคทรงนุ่งแล้ว ทรงถือบาตร และจีวรเสด็จเข้าไปยังที่อยู่ของอุทัยพราหมณ์ ฯ

    ลำดับนั้น อุทัยพราหมณ์เอาข้าวใส่บาตรถวายพระผู้มีพระภาคจนเต็ม ฯ

    แม้ครั้งที่ ๓ เวลาเช้า พระผู้มีพระภาคทรงนุ่งแล้ว ทรงถือบาตร และจีวร เสด็จเข้าไปยังที่อยู่ของอุทัยพราหมณ์

    ลำดับนั้นอุทัยพราหมณ์เอาข้าวใส่บาตรถวายพระผู้มีพระภาคจนเต็ม แล้วได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า

    พระสมณโคดมนี้ ติดในรส (ติดใจในอาหาร) จึงเสด็จมาบ่อยๆ ฯ

    พระผู้มีพระภาคจึงตรัสเป็นคาถาว่า

    กสิกรย่อมหว่านพืชบ่อยๆ ฝนย่อมตกบ่อยๆ ชาวนาย่อมไถนาบ่อยๆ แว่นแคว้นย่อมบริบูรณ์ด้วยธัญชาติบ่อยๆ ยาจกย่อมขอบ่อยๆ ทานบดีก็ให้บ่อยๆ ทานบดีให้บ่อยๆ แล้ว ก็เข้าถึงสวรรค์บ่อยๆ ผู้ต้องการน้ำนมย่อมรีดนมบ่อยๆ ลูกโคย่อมเข้าหาแม่โคบ่อยๆ บุคคลย่อมลำบาก และดิ้นรนบ่อยๆ คนเขลาย่อมเข้าถึงครรภ์บ่อยๆ สัตว์ย่อมเกิด และตายบ่อยๆ บุคคลทั้งหลายย่อมนำซากศพไปป่าช้าบ่อยๆ ส่วนผู้มีปัญญาถึงจะเกิดบ่อยๆ ก็เพื่อได้มรรคแล้วไม่เกิดอีก ดังนี้ ฯ

    ท่านผู้ฟังอาจจะเห็นว่า เป็นข้อความธรรมดา แต่นี่เป็นพระคาถาที่พระผู้มีพระภาคตรัสกับอุทัยพราหมณ์ ทรงชี้ให้เห็นประโยชน์ของการอบรมเจริญกุศลบ่อยๆ แม้แต่การที่พระองค์เสด็จไปรับภัตตาหารบิณฑบาตจากอุทัยพราหมณ์ ครั้งที่ ๑ – ๒ – ๓ จนเป็นเหตุให้อุทัยพราหมณ์เข้าใจผิดคิดว่า พระผู้มีพระภาคนั้น เป็นผู้ที่ติดใจในรสอาหาร แต่ความจริงไม่ใช่

    เพราะฉะนั้น การที่บุคคลหนึ่งบุคคลใดอาจจะเอื้อเฟื้อ อย่างเช่น พระภิกษุท่านอาจจะรับบิณฑบาตจากบ้านหรือตระกูลหนึ่งตระกูลใด ก็เพราะว่า ทานบดีให้ บ่อยๆ แล้ว ก็เข้าถึงสวรรค์บ่อยๆ เป็นเรื่องที่ทรงอนุเคราะห์ ทรงเกื้อกูลให้เห็นประโยชน์ของการเจริญกุศลบ่อยๆ แม้แต่การที่พระผู้มีพระภาคตรัสว่า

    บุคคลย่อมลำบาก และดิ้นรนบ่อยๆ

    นี่ก็เป็นชีวิตประจำวันจริงๆ ถ้าพิจารณาก็จะเห็นว่า ไม่ใช่คนอื่น ตัวท่านเองดิ้นรน และลำบากบ่อยๆ

    คนเขลาย่อมเข้าถึงครรภ์บ่อยๆ สัตว์ย่อมเกิด และตายบ่อยๆ

    ท่านยังจะต้องเกิดอีก ตายอีก บ่อยเท่าไรไม่ทราบ

    บุคคลทั้งหลายย่อมนำซากศพไปป่าช้าบ่อยๆ

    ทุกวันต้องมีใช่ไหม ตามวัด ไม่ว่าญาติใคร มิตรสหายใคร ก็จะต้องนำซากศพไปป่าช้าบ่อยๆ

    ส่วนผู้มีปัญญา ถึงจะเกิดบ่อยๆ ก็เพื่อได้มรรคแล้วไม่เกิดอีก ดังนี้

    ก็ต้องสะสมอบรมไปในการเจริญกุศลทุกประการ ในเรื่องของทาน ในการอบรมเจริญปัญญาที่จะรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง

    ข้อความต่อไป

    เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว อุทัยพราหมณ์ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า

    ข้าแต่พระโคดม ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก ข้าแต่พระโคดม ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก พระองค์ทรงประกาศธรรมโดยอเนกปริยาย ดุจหงายภาชนะที่คว่ำ เปิดของที่ปิดไว้ บอกทางแก่คนหลงทาง ส่องประทีปในที่มืดด้วยหวังว่า คนที่มีจักษุจักมองเห็นรูปได้

    ข้าแต่ท่านพระโคดม ข้าพระองค์ขอถึงพระผู้มีพระภาค กับพระธรรม และพระภิกษุสงฆ์เป็นสรณะ ขอพระองค์ทรงจำข้าพระองค์ว่า เป็นอุบาสกผู้ถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะจนตลอดชีวิต ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฯ

    ท่านผู้ฟัง ฟังดูแล้วรู้สึกคล้ายๆ กับว่า เป็นแบบฉบับของการที่จะสรรเสริญ พระรัตนตรัยของอุบาสกผู้เห็นประโยชน์ของธรรม คือ ทุกท่านก็กล่าวอย่างนี้ และ ทุกสูตรเหมือนกันทีเดียว

    ที่มา ...

    แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ 537


    หมายเลข 12891
    15 เม.ย. 2567