ฟังและต้องการผล หรือ ฟังเพื่อเข้าใจให้ถูกต้อง


        ฟัง และต้องการผล แต่ว่าตามความเป็นจริง ฟังเพื่อเข้าใจให้ถูกต้องเพราะรู้ว่า สิ่งที่เราเข้าใจว่ามี เพราะผู้ที่รู้กว่าเรา เช่น พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าจะกล่าวถึงสิ่งที่มีจริงที่ได้ตรัสรู้ว่า ความจริงนั้นคืออย่างไร นี่คือการฟัง ไม่ต้องไปหวังอะไรทั้งหมด ไม่ต้องไปหวังจะรู้แจ้งอริยสัจธรรม ละคลายกิเลสหรืออะไร แต่ขณะที่ฟังแล้วเข้าใจนั่นเอง ก็จะทำให้ค่อยๆ คลายความไม่รู้

        ข้อสำคัญที่สุด ความเป็นผู้ละเอียด ตรง และจริงใจในการที่จะเข้าใจธรรมะ เพราะเหตุว่าแม้เพียงคำว่า “ธรรมะ” คำเดียว ได้ยินได้ฟังบ่อย ทุกอย่างที่มีจริงเป็นธรรมะ เราก็ไปคิดถึงสิ่งที่มีจริง แล้วเราก็บอกว่าเป็นธรรมะ และก็จำคำนี้ไว้ ทุกอย่างที่มีจริงเป็นธรรมะ แต่ยังไม่รู้จักธรรมะเลย เพียงแต่ได้ฟังแล้วรู้ว่าอะไรเป็นธรรมะ สิ่งที่มีจริงเป็นธรรมะ เพราะฉะนั้นขั้นฟังก็คือ ขณะนี้สิ่งใดปรากฏ สิ่งนั้นจริง สิ่งนั้นเป็นธรรมะ แต่ก็ยังไม่รู้จักธรรมะ นี่คือความตรง ด้วยเหตุนี้อย่างที่คุณชุณห์กล่าวถึงรูปซึ่งปรากฏในชีวิตประจำวัน คือ ขณะนี้มีสิ่งที่ปรากฏ ถ้าในชีวิตประจำวันจริงๆ เราก็สามารถค่อยๆ เข้าใจ และค่อยๆ เริ่มรู้จักลักษณะจริงๆ ของสภาพธรรมนั้นได้ เช่น สิ่งที่ปรากฏทางตาขณะนี้ ถ้าพูดง่ายๆ ว่าเป็นธรรมะ ทุกคนก็รับไป สิ่งที่ปรากฏทางตาเป็นธรรมะ ก็กล่าวไป จำไป แต่เป็นธรรมะเพราะปรากฏความจริงว่า เป็นเพียงสิ่งที่สามารถปรากฏทางตา

        เพราะฉะนั้น การเข้าใจธรรมะต้องลึกซึ้งถึงความจริง เพื่อจะได้รู้จริงๆ ว่า เราฟังธรรมะ เราเข้าใจธรรมะ เราเข้าใจเพียงชื่อ เข้าใจเรื่องราว หรือขณะนี้สภาพธรรมก็ปรากฏ ให้เริ่มที่จะให้เข้าใจลักษณะที่แท้จริงของสิ่งที่ปรากฏ เพื่อที่จะได้ถึงความเข้าใจว่า ทุกอย่างเป็นธรรมะ แม้แต่สิ่งที่กำลังปรากฏก็เป็นธรรมะ ไม่ใช่ขั้นฟัง ไม่ใช่ขั้นจำ แต่มีการเริ่มเข้าใจลักษณะจริงๆ ของสิ่งที่ปรากฏ

        ที่มา ...

        พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 365


    หมายเลข 12888
    4 ม.ค. 2567