กรรมไม่เป็นสมุฏฐานให้วิการรูปเกิด


        ผู้ฟัง ยังสงสัยเรื่องวิการรูป วิการรูป แปลว่าอะไร

        อ.คำปั่น คำว่า “วิการ” ก็มาจากคำว่า วิ แปลว่า ต่าง การะ คือ การกระทำ รวมความก็คือ วิการ คือ การกระทำให้ต่าง + รูป ก็เป็น “วิการรูป” ก็คือรูปที่กระทำให้แตกต่าง ซึ่งมี ๓ รูป คือ ลหุตารูป เป็นรูปที่เบา มุทุตารูป เป็นรูปที่อ่อน และกัมมัญญตารูป เป็นรูปที่ควรแก่การงาน ทั้ง ๓ รูปนี้เรียกว่า วิการรูป คือต้องเกิดในสัตว์ บุคคลเท่านั้น ๓ รูปนี้คือรูปที่กระทำให้ผิดแปลกไปจากเดิม อันนี้คือความหมายของ “วิการ”

        ผู้ฟัง วิการรูปหมายความว่า เป็นรูปที่เบา อ่อน ควรแก่การงานของความเป็นสัตว์ บุคคล จะได้ หรือไม่

        อ.วิชัย คือรูปที่เกิด จะมีสมุฏฐานให้เกิด แม้วิการรูปเองก็มีสมุฏฐานให้เกิด แต่วิการรูปไม่ใช่สภาวรูป วิการรูปเป็นอสภาวรูป คือ ไม่มีลักษณะเฉพาะต่างหากของตนๆ เหมือนกับสภาพที่เป็นสภาวรูป สภาวรูปได้แก่อะไรบ้างครับ

        ผู้ฟัง เช่น สิ่งที่ปรากฏทางตา

        อ.วิชัย วัณณรูปเป็นสภาวรูป มหาภูตรูปเป็นสภาวรูปไหม

        ผู้ฟัง เป็นสภาวรูป

        อ.วิชัย ธาตุดินก็มีลักษณะเฉพาะของตนๆ คือ มีลักษณะของตนเองเลย ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ สี กลิ่น รส โอชา ทั้งหมดนี้เป็นสภาวรูป เพราะมีลักษณะเฉพาะของตนๆ แต่อสภาวรูปมี ๑๐ รูป วิการรูปก็เป็นอสภาวรูป เป็นความเบา อ่อน ควรแก่การงานของสภาวรูป เพราะเหตุว่าเกิดเป็นกลุ่ม เป็นกลาป วิการรูปมีสมุฏฐาน ๓ คือ จิต อุตุ และอาหาร ดังนั้นกลุ่มกลาปใดที่เกิดขึ้นมีวิการรูป คือ ความเบา อ่อน ควรแก่การงานของรูปที่เกิดขึ้นในขณะนั้น ที่เป็นสภาวรูป

        อ.อรรณพ ก็เป็นเรื่องเข้าใจยาก การศึกษาเรื่องรูป และวิการรูป ควรมีพื้นฐานความเข้าใจรูปที่เป็นอภิธรรม สมควรสักแค่ไหน

        ท่านอาจารย์ รูป คือ ธาตุดิน น้ำ ไฟ ลม เป็นมหาภูตรูป เป็นรูปใหญ่ แต่เมื่อธาตุดิน น้ำ ไฟ ลมเกิดขึ้นแล้ว ก็มีรูปอีก ๔ รูปเกิดร่วมด้วย คือ สี กลิ่น รส โอชา นี่คือพื้นฐานทั่วๆ ไปที่จะเข้าใจว่า รูปที่เราเข้าใจว่า เป็นรูปใหญ่มาก แท้ที่จริงก็คือกลุ่มของรูปที่เล็กที่สุด ภาษาบาลีใช้คำว่า “กลาป” เล็กจนแยกอีกไม่ได้แล้ว ต้องมี ๘ รูป แล้วก็มีอากาศธาตุแทรกแต่ละกลาป ทำให้ทุกรูป ที่เป็นรูปใหญ่ๆ ที่เราคิด สามารถกระจัดกระจายแตกย่อยออกได้ เพราะเหตุว่ามีอากาศธาตุแทรกคั่นอยู่ แต่ถึงแม้ว่าเป็นรูป รูปก็มีสมุฏฐานที่ต่างกัน คือ บางกลุ่ม หรือบางกลาปเกิดจากกรรมเป็นสมุฏฐาน อย่างอื่นไม่สามารถทำให้เกิดรูปนั้นได้เลย นอกจากกรรม เช่น จักขุปสาทรูป แต่เมื่อเกิดต้องมีมหาภูตรูป ๔ รวมอยู่ด้วย แล้วรูปใดก็ตามที่เกิดจากกรรม จะต่างจากรูปอื่น เพราะเหตุว่ามีชีวิตินทรียรูปอีกรูปหนึ่งเกิดร่วมด้วยทุกกลาปที่เป็นรูปที่เกิดจากกรรม และยังมีจักขุปสาท เพราะฉะนั้นในกลุ่มนั้นมี ๑๐ รูป เพิ่มอีก ๒ รูป เมื่อเป็นรูปที่เกิดจากกรรม

        นี่คือกล่าวถึงสมุฏฐานต่างๆ แต่กรรมไม่เป็นสมุฏฐานให้วิการรูปเกิด นี่คือจะต้องเข้าใจจริงๆ แตกย่อยรูปทั้งหมดออกเป็นส่วนที่เล็กที่สุดแล้ว ก็คือยังมีความต่างหลากหลายว่า แต่ละกลุ่มมีรูปไม่เท่ากัน และเกิดจากสมุฏฐานที่ต่างกันด้วย ซึ่งจะต้องเข้าใจให้ถูกต้อง “วิการ” รูปที่กระทำให้ต่าง ต้องเป็นรูปที่ไม่ใช่เกิดจากกรรม แต่เกิดจากจิต เกิดจากอุตุ เกิดจากอาหารได้ ถ้ามีความเข้าใจพื้นฐานแบบนี้ ก็จะรู้ได้ว่า แม้แต่จิต หรืออุตุ ธาตุไฟ เย็นร้อน หรือแม้แต่อาหารก็สามารถทำให้เกิดกลุ่มของรูปที่วิการจากกลุ่มที่ไม่มีวิการรูป กลุ่มที่ไม่มีวิการรูป ก็มีธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม มีสี กลิ่น รส โอชา

        ที่มา ...

        พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 365


    หมายเลข 12887
    17 ธ.ค. 2566