ภุสเปตวัตถุ


        ภุสเปตวัตถุ มีข้อความว่า

        ท่านพระมหาโมคคัลลานเถระได้ถามบุพกรรมของเปรตทั้ง ๔ ด้วยคาถานี้ความว่า

        ท่านทั้ง ๔ นี้ คนหนึ่งกอบเอาแกลบข้าวสาลีที่ไฟลุกโชนโปรยใส่ศีรษะของตนเอง อีกคนหนึ่งทุบศีรษะของตนเองด้วยค้อนเหล็ก ส่วนคนที่เป็นหญิงเอาเล็บจิกหลัง กินเลือดกินเนื้อของตนเอง ส่วนท่านกินคูถอันเป็นของไม่สะอาด ไม่น่าปรารถนา นี้เป็นวิบากแห่งกรรมอะไร

        ภรรยาของพ่อค้าโกงตอบว่า

        เมื่อชาติก่อน ผู้นี้เป็นบุตรของดิฉัน ได้ตีศีรษะของฉันผู้เป็นมารดา ผู้นี้เป็นสามีของดิฉัน เป็นพ่อค้าโกงข้าวเปลือกปนแกลบ ผู้นี้เป็นลูกสะใภ้ของดิฉัน ลักกินเนื้อแล้วกลับหลอกลวงด้วยมุสาวาท ดิฉันเมื่อเกิดเป็นมนุษย์อยู่ในมนุษย์โลก เป็นหญิงแม่เรือน เป็นใหญ่กว่าสกุลทั้งปวง เมื่อสิ่งของมีอยู่ เหล่ายาจกขอแล้ว เก็บซ่อนไว้เสีย ไม่ได้ให้อะไรจากของที่มีอยู่ ปกปิดไว้ด้วยมุสาวาทว่า ของนี้ไม่มีในเรือนของเรา ถ้าเราปกปิดของที่มีไว้ ขอคูถจงเป็นอาหารของเรา ภัตรแห่งข้าวสาลีอันมีกลิ่นหอมย่อมกลับกลายเป็นคูถเพราะวิบากแห่งกรรม คือ มุสาวาทของดิฉัน

        ก็กรรมทั้งหลายไม่ไร้ผล กรรมนั้นย่อมไม่สาบสูญ เพราะฉะนั้น ดิฉันจึงกินและดื่มมูตรคูถอันมีกลิ่นเหม็น มีหนอน

        ถ้าเป็นอกุศลกรรมที่กำลังกระทำอยู่ในมนุษย์ ดูเป็นของไม่น่าหวั่นเกรงอะไร ไม่มีใครจับได้ ไม่มีใครรู้ ยังไม่ได้รับผลของอกุศลกรรมนั้นที่จะให้ปรากฏทันตา แต่ว่าอกุศลกรรมที่ได้กระทำแล้วไม่ไร้ผล เช่นเดียวกับกุศลกรรมก็ไม่ไร้ผล เพราะฉะนั้น ถ้าทำอกุศลกรรมใดๆ ไว้ และสังสารวัฏยังมีอยู่ ก็แล้วแต่ว่ากรรมใดจะเป็นปัจจัยทำให้ปฏิสนธิ ถ้าเป็นกุศลกรรมก็ปฏิสนธิในสุคติภูมิ ถ้าเป็นอกุศลกรรมก็ปฏิสนธิในอบายภูมิ หรือถ้าในสุคติภูมิปฏิสนธิเป็นมนุษย์ ก็ยังมีโอกาสได้รับผลของอกุศลกรรมทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกายตามควรแก่กรรมนั้นๆ

        เพราะฉะนั้น ไม่ควรประมาทจริงๆ ในอกุศลกรรม และขอให้ดูความเป็นจริงว่าจะเป็นไปได้ไหมที่ว่า คนหนึ่งกอบเอาแกลบข้าวสาลีที่มีไฟลุกโชนโปรยใส่ศีรษะของตนเอง อีกคนหนึ่งทุบศีรษะของตนเองด้วยค้อนเหล็ก มีใครเคยทุบศีรษะของตนเองบ้างไหม เคย ทำไมถึงทำอย่างนั้น ทีนี้ถ้าเป็นกรรมหนัก แทนที่จะทุบนิดหน่อยให้หายปวดหายเจ็บ ก็อาจจะแรงยิ่งกว่านั้นก็ได้ และยิ่งเป็นผลของอกุศลกรรม ก็อาจจะทำให้ต้องทำอย่างนั้น สำหรับคนที่เป็นหญิงเอาเล็บจิกหลัง กินเลือดและเนื้อของตนเอง ก็เป็นไปได้อีกใช่ไหม มนุษย์ที่ชอบแกะ ชอบเกา ชอบขูด ชอบอะไรอย่างนี้มีไหม มีใช่ไหม ทำไมจึงทำอย่างนั้น ก็ต้องเป็นผลของอกุศลกรรม สบายหรือ คนอื่นทำไมไม่สบาย แต่ทำไมคนนี้ถึงสบาย แกะแผล แกะอะไรก็ได้ทั้งนั้น เป็นการสะสมมาที่จะให้กระทำอย่างนั้น ซึ่งถ้าไม่แกะ ไม่เกา ไม่คุ้ย ไม่เขี่ย อย่างนั้นน่าจะสบายกว่า แต่เพราะสะสมมาเป็นปัจจัยที่จะให้เกิดทุกขเวทนาอย่างนั้น นี่เป็นเศษของกรรมมาถึงภพชาติที่ได้กำเนิดในสุคติภูมิ แต่ถ้าเป็นผลของอกุศลกรรม มิยิ่งพอใจยิ่งกว่านั้นหรือ คือ พอใจถึงกับต้องเอาเล็บจิกหลัง กินเนื้อและเลือดของตนเอง ทำอย่างนั้น เป็นอย่างนั้น ใครจะให้ไม่ทำอย่างนั้นก็ไม่ได้ เป็นไปตามอำนาจของกรรม

        ที่มา ...

        แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ 279


    Tag  เปรต  
    หมายเลข 12868
    22 พ.ย. 2566